สิงคโปร์วางแผนทุ่มเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 2.67 หมื่นล้านบาท ในระยะเวลาอีก 5 ปี เพื่อปั้นอุตสาหกรรมและระบบนิเวศสำหรับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เสริมความแข็งแกร่งในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของโลก
เรียกได้ว่า พัฒนาไม่หยุดจริงๆ สำหรับสิงคโปร์ เมื่อในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Lawrence Wong รองนายกรัฐมนตรีสิงดโปร์ได้เปิดเผยในการแถลงข่าวเรื่องการจัดสรรงบประมาณว่า รัฐบาลสิงคโปร์มีแผนที่จะลงทุนเงินมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อกระตุ้นศักยภาพของประเทศในการแข่งขันด้านการใช้และพัฒนาปัญญาประดิษฐ์
นาย Wong กล่าวว่า การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยให้ผู้บริหารและผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ สามารถก้าวทันเทคโนโลยี และพร้อมที่จะนำ AI มาปรับใช้ในการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุด เพราะจากผลการศึกษา ผู้บริหารธุรกิจเกือบ 1 ใน 3 ทั่วโลกยังไม่มีความพร้อมในการรับมือความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการเข้ามาของ AI เพราะมีข้อจำกัดด้านเวลา กำลังคน และเงินทุน
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในสิงคโปร์เพื่อจัดตั้ง ‘ศูนย์ AI’ ในประเทศด้วยเพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรม AI ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการนำเข้าชิประดับสูงเพื่อมาใช้ในการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวด้วย
สิงคโปร์พร้อมทั้งแผนและกำลังคน มุ่งสู่การเป็นฮับ AI โลก
ด้านนักวิเคราะห์ เห็นว่า การอัดฉีดเงินทุนก้อนใหญ่เพื่อสร้างอุตสาหกรรม AI และปรับระบบการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้พร้อมกับการนำ AI มาใช้ในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ ในสิงคโปร์ได้มีความพยายามนำ AI มาใช้ และส่งเสริมให้พนักงานเรียนรู้ด้าน AI ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์มีความพร้อมด้าน AI มากกว่าชาติอื่นๆ ทั้งด้านแผนงาน ระบบ และกำลังคน
โดยก่อนหน้าที่จะมีการประกาศแผนลงทุนนี้ สิงคโปร์ได้มีการประกาศแผนในการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ในประเทศมาแล้วตั้งแต่ปี 2019 ทำให้ให้สิงคโปร์เป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่มีการคิดแผนพัฒนาเศรษฐกิจด้วย AI โดยเฉพาะ ซึ่งต่อมาถูกต่อยอดเป็นแผน National AI Strategy 2.0 ที่สิงคโปร์เพิ่งเปิดเผยออกมาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
โดยสิ่งหนึ่งที่แสดงความพร้อมของสิงคโปร์ในการเป็นฮับ AI มากที่สุด คือ ‘AI Verify’ ระบบรักษาความปลอดภัยในการใช้ AI ซึ่งเป็น framework ด้านการกำกับดูแล AI อันแรกของโลก ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถทดสอบการทำงานของโมเดล AI และประเมินระดับความปลอดภัยของโมเดลดังกล่าว ทั้งในด้านการเก็บและประมวลผลข้อมูลได้ โดยปัจจุบัน ทั้ง Google, Meta และ Microsoft กำลังทดสอบใช้เครื่องมือนี้เพื่อให้ฟีดแบ็คอยู่
ขณะที่การศึกษาของ LinkedIn สิงคโปร์ ยังพบว่า สิงคโปร์ยังมีกำลังแรงงานที่มีศักยภาพในการพัฒนาทักษะด้าน AI มากที่สุดในโลก จากทั้งระบบการศึกษาที่ได้มาตรฐานโลก รวมถึง โครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาระบบดิจิทัลมากอยู่ในแล้วในปัจจุบัน
ดังนั้น สิงคโปร์ จึงถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมมากในการรับ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ และพัฒนานวัตกรรม AI ใหม่ๆ และมีศักยภาพสูงมากในการก้าวขึ้นไปเป็นศูนย์กลางด้าน AI ของโลก เพื่อดึงดูดทั้งเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบุคลากรให้เข้ามาทำงานในประเทศ เพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในประเทศมากยิ่งขึ้นอีก
ที่มา: CNBC