ภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความผันผวนทางเศรษฐกิจ ขณะที่อินโดนีเซียยังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่ง เวียดนามกลับต้องเผชิญกับความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมของสถานการณ์เศรษฐกิจใน 2 ประเทศหลักของอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ที่ทำการค้ากับประเทศ จีน
ภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชียกำลังเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอน ในขณะที่อินโดนีเซียยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เวียดนามและจีนกลับเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกัน โดยเราจะเจาะลึกข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจถึงความแตกต่างและความท้าทายที่แต่ละประเทศกำลังเผชิญ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
เศรษฐกิจอินโดนีเซียยังคงแสดงสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 ปี 2567 เศรษฐกิจขยายตัว 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับการเติบโตในไตรมาสแรก ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 5%
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ
แนวโน้มในอนาคต
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามกำลังเผชิญกับความท้าทายในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยการส่งออกสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกของประเทศขยายตัวในระดับที่ลดลง
โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจอินโดนีเซียยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม ภาครัฐและภาคธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายต่างๆ เพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาส 3 ปี 2567 ส่งสัญญาณชะลอตัวลง โดยเฉพาะในภาคการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเวียดนามบ่งชี้ว่า การส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2567 หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสำคัญอย่างคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
แรงฉุดจากภาคส่งออก
สัญญาณบวกจากภาคส่วนอื่น
ภาพรวมและแนวโน้ม
เศรษฐกิจเวียดนามกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการชะลอตัวของภาคส่งออก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยภายนอกและมาตรการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม ภาคส่วนอื่นๆ ยังคงแสดงสัญญาณการเติบโตที่ดี
รัฐบาลเวียดนามจำเป็นต้องเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการส่งออกในภาคส่วนที่มีศักยภาพ เพื่อลดผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคอิเล็กทรอนิกส์ และรักษาโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากนี้ การกระจายความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนในตลาดใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามมีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดียิ่งขึ้น
เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2567 โดยข้อมูลจากภาพแสดงให้เห็นถึงสัญญาณชะลอตัวที่ชัดเจนในหลายภาคส่วนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่หดตัว การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ลดลง และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้รัฐบาลจีนต้องเร่งเครื่องนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพยายามบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ 5% ตามที่ตั้งไว้
นโยบายการคลังเร่งเครื่อง
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ รัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังอย่างเข้มข้นมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
นโยบายการเงินผ่อนคลาย
นอกจากนโยบายการคลังแล้ว ธนาคารกลางจีนยังมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าในเดือนกรกฎาคม 2567 จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต
แนวโน้มและความท้าทาย
เศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่ารัฐบาลจะตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 5% แต่ก็ยังมีความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ภาคธุรกิจและนักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายเศรษฐกิจของจีนอย่างใกล้ชิด และประเมินผลกระทบต่อธุรกิจและการลงทุนของตนเองอย่างรอบคอบ
ภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียนมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน อินโดนีเซียยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ขณะที่เวียดนามและจีนเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ทั้งเวียดนามและจีนจำเป็นต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อรักษาเสถียรภาพและการเติบโต นักลงทุนและภาคธุรกิจควรติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบต่อธุรกิจอย่างใกล้ชิด
ที่มา KResearch