ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปดูงานที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) ในงาน "Binance Blockchain Week Dubai 2022" จัดขึ้นวันที่ 28 - 30 มีนาคม โดยมีผู้จัดงานเป็น Binance ตลาดซื้อขายคริปโทเคอเรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีผู้เข้าร่วมอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างบล็อกเชนอย่าง Cardano (ADA) หรือผู้สร้างเกม The Sandbox ผู้นำด้าน Metaverse
บัตรเข้างาน Binance Blockchain Week Dubai 2022
Dubai เป็นเมืองที่เพิ่งประกาศกฏหมายเกี่ยวกับคริปโทเคอเรนซี และมีการวางเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เอื้อต่อการทำธุรกิจคริปโทเคอเรนซี ทำให้ Binance เองก็ได้จัดตั้งออฟฟิศขึ้นที่ Dubai และคุณ Chanpeng Zhao ซึ่งเป็น CEO Binance ก็ได้มาซื้อบ้านอยู่ที่ Dubai ซึ่งเป็นการประกาศกลายๆ ว่า Dubai เหมาะแก่การทำธุรกิจของเขามาก และหลังจากผมได้ฟังสัมมนาทั้งหมด ก็ได้ข้อสรุปดังนี้
1. ผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์
ในงาน Binance Blockchain Week Dubai ผู้กล่าวเปิดคนแรกคือคุณ Salman Jeffrey เป็น Chief Business Development officer ของ Dubai International Financial Center (DFIC) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของดูไบ กล่าวว่าดูไบมียุทธศาสตร์อีก 10 ปี หรือปี 2030 ที่มุ่งเป้าจะเป็นศูนย์กลางของคริปโทเคอเรนซีและบล็อกเชนของโลก ทั้งๆ ที่พวกเขาเริ่มตั้งต้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่เริ่มมีนักพัฒนา และบริษัทใหญ่ๆ ด้านคริปโทเคอเรนซีเริ่มเข้ามาอยู่ในดูไบเป็นที่เรียบร้อย
ในด้านกฏหมายก็ได้จัดทำร่างกฏหมายขึ้นมา และเปิดให้ประชาชนเข้าแสดงความคิดเห็น ซึ่งเขาเชื่อว่าจะเป็นการนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ในประเทศ ซึ่งจบลงด้วยการเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยพัฒนาระบบนิเวศน์ของดูไบ
ผมฟังแล้วรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากกับวิธีคิดของผู้นำของดูไบ เนื่องจากความคิดเห็นของคนระดับผู้นำของเขาต่างสอดคล้องไปด้วยกันทั้งระบบ เนื่องจากในวันอื่นก็มีนายกรัฐมนตรีของ UAE ซึ่งยังเป็นเจ้าผู้ครองรัฐดูไบ ก็พูดในแนวทางเดียวกัน ในการมุ่งเป้าเป็น Global Crypto Hub และเมื่อคนระดับผู้นำประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกัน คนในประเทศก็พร้อมจะเดินตาม
2. กลยุทธ์เป็นเรื่องสำคัญ
ดูไบเป็นรัฐที่ไม่มีทรัพยากรด้านอื่นนอกจากน้ำมันมาก่อนเลย และการพึ่งพาการใช้น้ำมันก็จะเป็นแทรนด์ที่ลดลงไปในทุกประเทศ แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อการทำให้รัฐเดินไปข้างหน้า คือการเปิดให้เทคโนโลยีมาโตที่ประเทศของเขาได้ เขาสร้างกฏหมายและรูปแบบการกำกับดูแลให้เอื้อต่อธุรกิจด้านคริปโทเคอเรนซี
Charles Hoskinson ผู้สร้าง Cardano
ผมยังเคยคิดว่าถ้าเราไม่สามารถเป็น Crypto Hub ได้ แต่เราทำตัวเป็นแหล่งบ่มเพาะนักพัฒนาบล็อกเชน โดยเข้าไปสร้างคนตั้งแต่ระดับมัธยม เพื่อส่งออกบุคลากรไปที่ดูไบ อาจจะส่งผลต่อการนำองค์ความรู้กลับมายังประเทศและการนำรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่งก็ได้
3.วิธีคิดแบบใหม่
Khalifa Aljaziri ที่ปรึกษารัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐดูไบ เสนอว่า เศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นสิ่งสำคัญของดูไบ โดยมีศูนย์กลางเป็นบล็อกเชน คริปโทเคอเรนซี และ FinTech โดยพวกเขาต้องการให้ระบบของทั้งดูไบรองรับกับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลให้ได้ มีแผนการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่นการนำบล็อกเชนมาใช้ในการออกเอกสารราชการให้ได้ภายในปี 2030 และในด้านการพัฒนาธุรกิจพวกเขาก็เปิดรับการเข้ามาของบริษัทและนักพัฒนา ให้เข้ามาทำงานภายในระบบของดูไบ ซึ่งได้เอ่ยปากจีบให้คนในงานมาร่วมงานหลายต่อหลายครั้ง
Khalifa Aljaziri กล่าวบนเวที
เรื่องนี้เป็นวิธีคิดที่น่าสนใจมาก เนื่องจากการลงทุนในคริปโทเคอเรนซีไม่ได้มีแค่การซื้อเหรียญมาถือ แต่รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ลงทุนในคน ลงทุนในเทคโนโลยี ทำให้ผมนึกถึงประเทศรุ่นพี่อย่างสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีเมือง Zug ที่สร้าง Crypto Valley เป็นเมืองหนึ่งที่เหมาะแก่การตั้งบริษัทคริปโทเคอเรนซีได้ เช่น ให้เปิดบัญชีธนาคารของบริษัทได้ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ เรื่องเหล่านี้ทำให้มีคริปโทเคอเรนซีเจ้าดังไปสร้างออฟฟิศอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์จำนวนมาก เช่น Ethereum, Tezos เป็นต้น สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างมากอีกทางนึง
ผมเชื่อว่าการที่ดูไบสร้าง Right Ecosystem, Right Regulator ตั้งเป้าให้เหมาะสมกับการให้คนเข้ามาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างพื้นฐานให้ระบบการเงิน และดึงดูดคนที่มีศักยภาพ และบริษัทที่ทำอะไรใหม่ๆ เข้ามา จะทำให้เศรษฐกิจของดูไบ ก้าวกระโดดไปได้อีกไกลมากครับ
อดีตนายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และ CEO and Founder at Bitcast