วัดฟอร์ม Binance ควง "กัลฟ์" บุกไทยมาท้าดวล Bitkub ที่ขึ้นยานแม่ SCBX

 

 Binance ควง "กัลฟ์" ประกาศบุกไทย

ธุรกิจ Digital Asset Exchange กำลังเป็นกระแสที่คอร์ปอเรทเจ้าใหญ่บิ๊กเนมของไทย มีทั้งเจ้าที่มีธุรกิจเดิมที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วหรือบางเจ้าไม่มีธุรกิจเดิมเกี่ยวข้องเลย มาก่อนต่างกระโดดเข้ามาเล่นในสนามนี้อย่างเป็นทางการ จากเทรนด์ของโลกที่มีนักลงทุนเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณเงินหมุนเวียนในตลาดคริปโทฯ ของโลกในปี 2564 ที่ผ่านมามีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ประมาณเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์ และในอนาคตคงไม่ได้หยุดแค่นี้แน่นอน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของบริษัทใหญ่ที่เห็นโอกาสและมีเงินทุนที่พร้อม

 

แน่นนอนว่าคอร์ปอเรทรายใหญ่เห็นโอกาสแหล่งขุมทรัพย์ธุรกิจใหม่นี้ที่ออกตัวมากสักระยะแล้วคือ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์(GULF) เจ้าของโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่อันดับ 1 ของไทย ที่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ต่อเนื่อง หลังจากปี 2564 ทุ่มเงิน 4.86 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้น 42.25% ใน บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์(INTUCH) พร้อมทั้งยังขึ้นแท่นเป็นเจ้าของเครือขายมือถือ "เอไอเอส" ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทยมากกว่า 44 ล้านราย เพราะ INTUCH เองเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเอไอเอส

ล่าสุด GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทลูก Gulf Innova ได้เซ็นสัญญากับ Binance ตั้งบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล(Digital Asset Exchange)ในประเทศไทย โดย Gulf Innova ถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน 51% และ Binance Capital Management จะถือหุ้น 49%

 

 

โดยผู้บริหาร GULF เคยให้ข้อมูลว่าบริษัทร่วมทุนนี้จะตั้งเสร็จสิ้นภายเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2565 จากนั้นจะยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจและใบอนุญาตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป และเมื่อได้ใบอนุญาตก็พร้อมทำธุรกิจได้ทันที

 

จึงน่าจับตาอย่างใกล้ชิดว่าการขยับของ GULF ครั้งนี้ที่นำพา Binance จับเป็นพาร์ทเนอร์กัน กลับสู่ไทยอีก เพราะอย่าลืมว่า GULF มีฐานข้อมูลฐานลูกค้า "เอไอเอส" จำนวนมากกว่า 44 ล้านรายที่กำไว้ในมือว่าจะสามารถชักชวนต่อยอดดึงมาเป็นลูกค้าได้สักกี่ราย

 

ข้อมูล Exchange ของ Binance ต่างประเทศ

-มีเหรียญเทรดมากกว่า 600 เหรียญ
-ค่าธรรมเนียม 0.1%
-มีลูกค้า 90 ล้านบัญชี
-วอลุ่มเทรดประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท/วัน
-มีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของโลก

 

 

นอกจากนี้ GULF ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในระบบนิเวศน์ทางธุรกิจ (Ecosystem) ของ Binance และเพื่อเป็นการต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยให้บริษัทลูกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลัก (Native Coin) ของระบบนิเวศน์ทางธุรกิจของ Binance (BNB Chain Ecosystem)

 

และลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิใหม่รวม 20 ล้านดอลลาร์ จากเงินระดมทุนทั้งหมด 200 ล้านดอลลาร์ ที่ออกโดย BAM Trading Services Inc. ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ในประเทศสหรัฐอเมริกาภายใต้ชื่อ Binance.US โดยคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 0.4% ของมูลค่ารวมของ Binance.US ก่อนเพิ่มทุน ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 4,500 ล้านดอลลาร์

เว็บไซต์ stock2morrow สรุป ประเด็นน่าสนใจ คือ GULF เห็นอะไรใน Binance กันแน่ ?

 

โดยบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ได้วิเคราะห์ถึงเป้าหมายของ GULF ในการเข้าลงทุน Binance ถึง 4 ประการด้วยกัน คือ

1.การพยายามเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัลใหม่

บทวิเคราะห์กล่าวว่าทาง GULF และ Binance จะจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เกิดจากการร่วมทุนกัน โดย GULF จะถือหุ้นในบริษัทใหม่นี้ 51% เพื่อรุกในธุรกิจดิจิทัล แม้ว่าตอนนี้ยังประเมินผลประโยชน์ทางการเงินได้ยาก แต่เชื่อว่าด้วยชื่อเสียงและแพลตฟอร์มที่ดีของ Binance จะช่วยให้ GULF มีผลตอบแทนระยะยาวที่ดี

จากนี้ทาง GULF จะขออนุญาตกับ ก.ล.ต. ในการเปิดศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะชัดเจนในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่ง GULF จะใช้เงินลงทุนครั้งนี้ราวๆ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

2.ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับสามของ Binance ในตลาดโลก

 

GULF มองว่าไทยกำลังจะเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับสามของ Binance ในตลาดโลก รองจากตลาดดูไบ และปารีส

 

3.การเข้าลงทุนใน Binance จะสร้างผลกำไรได้มากขึ้นจากกำไรส่วนเกินทุน

GULF แจ้งว่าการเข้าลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล BNB ซึ่งออกโดย Binance ที่ส่วนลด 30% จากราคาตลาด หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนครั้งนี้จะเป็นการลงทุนระยะยาว และด้วยภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ จะทำให้ GULF มีกำไรจากส่วนเกินทุนเพิ่มขึ้น

อีกทั้ง GULF ได้เข้าลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิใหม่ของ Binance ซึ่งสามารถแปลงสภาพเป็นหุ้น Binance ก่อนที่บริษัทจะทำ IPO ในตลาดอเมริกา 2-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย ที่สำคัญ GULF สามารถทยอยขายหุ้นได้ทุกไตรมาสใน 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะรับรู้เป็นกำไรพิเศษอีกด้วย

4. GULF สามารถออกโทเคนใหม่ๆเพื่อการระดมทุนได้ในอนาคต

GULF มองว่าด้วยความสามารถและ feature ทั้งหมดของ Binance จะนำมาปรับใช้กับประเทศไทยได้ ซึ่งทาง GULF สามารถออกโทเคนใหม่เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนในอนาคตหากมีโอกาส

 

 

Bitkub ทะยานขึ้นยานแม่ "เอสซีบี เอกซ์"

 

เปลี่ยนฝั่งมาที่แบงก์พาณิชย์แห่งแรกในไทย ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ที่ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุดไปเมื่อปลายปี 2564 โดยทรานฟอร์มจากแบงก์พาณิชย์ มาเป็น "โฮลดิ้งคอมพานี" เพื่อให้ธุรกิจมีความคล่องตัว โดยตั้งยานแม่ “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” หรือ SCBX ขึ้นมาเพื่อแปลงโฉมกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน(เทคคอมเพนี)

 

กับเป้าหมายภายในปี 2568 ฐานลูกค้าจะเพิ่มเป็น 200 ล้านคน จากปัจจุบัน 16 ล้านคน และ ดันกำไรให้โตเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว รวมถึงมีมูลค่ากิจการทะยานแตะ 1 ล้านล้านบาท

 

นอกจากนี้จะผลักดันให้บริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีราว 15-16 บริษัท และยังอยู่ในแผนงานอีกหลายบริษัทที่จะผลักดันออกมาหลังจากนี้

 

หลังประกาศปรับโครงสร้างใหม่ของ SCBX ไม่ถึง 2 เดือน ยานแม่เอสซีบี เอกซ์ สร้างข่าวดีลใหญ่สะเทือนวงการเงินอีกครั้งเมื่อประกาศทุ่มใช้เงินประมาณ 17,850 ล้านบาท ซื้อหุ้นสัดส่วน 51% ใน “บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด” ที่มูลค่าบริษัททั้งหมด 35,000 ล้านบาท เจ้าศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย จากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ส่งผลให้ยานแม่ "เอสซีบี เอกซ์" จะขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ของบิทคับ

เหตุผลที่ "เอสซีบี เอกซ์" กล้าควักกระเป๋าเอาเงินจำนวนมากมาทุ่มซื้อหุ้น "บิทคับ" นั้น ซีอีโอของ เอสซีบี เอกซ์ "อาทิตย์ นันทวิทยา" อธิบายว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหนึ่งในธุรกิจการเงินแห่งโลกอนาคตมีการเติบโตรวดเร็วมาก จึงมองเห็นโอกาสเติบโตในระยะยาว

 

สำหรับการที่ “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” ได้เข้าไปลงทุนใน “บิทคับ ออนไลน์” ซึ่งให้บริการแพลตฟอร์มด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของที่มีความน่าเชื่อถือ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา น่าจะช่วยให้ “กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” สามารถสร้างเติบโตในระยะยาวไปกับโลกใหม่ได้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ในการยกระดับ SCBX ขึ้นแท่นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงิน และสามารถเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเร็วในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

 

ข้อมูล Exchange ของ Bitkub 

-มีเหรียญเทรดรวม 60 เหรียญ
-ค่าธรรมเนียม 0.25%
-มีลูกค้า 3 ล้านบัญชี
-วอลุ่มเทรดประมาณ 700 ล้านบาท/วัน
-มีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของไทย

 

SCBX ได้ Bitkub มาดันยานแม่สู่เป้าหมาย 

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ประโยชน์ที่ SCBX จะได้รับจากดีลนี้ คือ จะเป็นตัวเร่งให้เข้าถึงฐานลูกค้าในกลุ่ม Digital Asset Investor ได้เร็วขึ้น ผ่านกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ของ Bitkub ที่คาดว่ามีจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่พร้อมทำความเข้าใจ และ ลงทุนกับผลิตภัณฑ์ Digital Asset ใหม่ๆ มากกว่านักลงทุนทั่วไป

 

 

ปัจจัยนี้ จะช่วยทำให้ SCBX สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในแพลตฟอร์มของ Bitkub ได้ในอนาคต ตามแผนขยายธุรกิจ Fintech เช่น Defi, NFT, Token หรือการเป็น ICO Portal อีกทั้งมีโอกาสสร้าง Synergy บนฐานลูกค้าตลาดทุนเดิมของ บล.ไทยพาณิชย์ ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มนักลงทุน Digital User ราว 5 แสนราย ที่อาจมีความสนใจมาใช้แพลตฟอร์ม Bitkub มากขึ้น

 

นอกจากนี้ SCBX ยังมีธุรกิจ Tech Support เช่น SCB10X, TECHX และ DATAX ที่จะเข้ามาช่วยเสริมระบบการดำเนินงานให้แพลตฟอร์มของ Bitkub มีเสถียรภาพในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อรองรับฐานลูกค้า ที่จะทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต

ดังนั้นเรียกได้ว่าสมรภูมิธุรกิจ Digital Asset Exchange ในไทยจากนี้ไปเชื่อได้ว่าจะมีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นอีกไม่น้อยเพราะ Bitkub ผู้ครองมาร์เก็ตแชร์ Digital Asset Exchange อันดับ 1 ของไทยซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้ร่มเงาของยานแม่ SCBX กำลังจะถูกท้าทายเขย่าบัลลังก์

 

โดย Binance ที่มีบิ๊กพาร์ทเนอร์คือ GULF คอยหนุนหลัง และยังมีความพร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีกับฐานลูกของบริษัทในเครือ "เอไอเอส" อีกด้วย ศึกนี้คงต้องใช้เวลาวัดพอสมควรเพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีขุมกำลังที่พร้อมทั้งด้านเงินทุน, เทคโนโลยี, พาร์ทเนอร์ และอื่นๆที่ไม่ได้ด้วยไปกว่ากันเท่าไหร่