SCBx ยานแม่ ของกลุ่มเอสซีบี เอ็กซ์ (SCBx Group) ที่จะเป็นบริษัทลงทุน และมุ่งเน้นยุทธศาสตร์การลงทุนในธุรกิจการเงินและเทคโนโลยีดิจิตัลที่ตอบโจทย์โลกอนาคต ผันตัวจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เป็น SCBx ยุคสมัยนี้ให้ปรับตัวก่อน ย่อมได้โอกาสก่อน ภายใต้เทรนผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล มุ่งเป้าการเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค เพื่อให้ตอบสนองความต้องการใหม่ของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที
ภายใต้วิสัยทัศน์ “The Most Admired Financial Technology Group in ASEAN” มีเป้าหมายฐานลูกค้า 200 ล้านราย ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน รูปแบบธุรกิจจะเป็นลักษณะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับอุตสาหกรรมหลักๆ สร้างแพลตฟอร์ม และ ecosystem เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
SCBx ได้มีการแบ่งธุรกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น โดยได้มีการปรับโครงสร้าง เมื่อ 22 เม.ย.65
ล่าสุด รับปีกระต่ายทอง 2023 มีความเคลื่อนไหวของยานลูก 2 แห่ง คือ บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด และบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด
โดยบริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ประกาศให้การสนับสนุนแก่ บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด จนสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวน เพื่อขออนุมัติการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ภายใต้ชื่อ "เรียลเอ็กซ์" (RealX) ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง RealX เป็นการลงทุนที่มีสินทรัพย์ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดที่เป็นสินทรัพย์ในการอ้างอิง (Asset Backed)
บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต.ขอออกและเสนอขายโทเคนฯ RealX ประเดิมปีใหม่ จำนวนไม่เกิน 19,230,769 โทเคน อายุ 10 ปี ลงทุนในสัญญา RSTA รับรายได้จากห้องชุดบางส่วนของโครงการพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ พญาไท และ ทองหล่อ เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทนจากคอนโดพร้อมรับประกันผลตอบแทนรายไตรมาสใน 5 ปีแรกของโครงการ ชูแนวคิด Fractionalization แปลงการลงทุนอสังหาให้อยู่ในรูปหน่วยย่อยแบบ Token
ทั้งนี้ ผู้ถือโทเคน RealX จะได้รับผลตอบแทนจากการบริหารจัดการทรัพย์สินของโครงการ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ผลตอบแทนรายไตรมาสจากค่าเช่าสุทธิในปีที่ 1-10 ของโครงการ ซึ่งได้มีการรับประกัน ผลตอบแทน โดย บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด (PARK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในช่วงปีที่ 1-5 ของโครงการที่ 4.00%, 4.25%, 4.50%, 4.75% และ 5.00% ต่อปี ของมูลค่าการเสนอขายโทเคน ตามลำดับ และ 2. ผลตอบแทนรายไตรมาสจากการจำหน่ายทรัพย์สินของโครงการสุทธิในปีที่ 6-10 ของโครงการ
การเสนอขายโทเคน RealX ครั้งนี้ เป็นการเสนอขายให้แก่ ผู้ลงทุนรายย่อย ผู้ลงทุนรายใหญ่ และผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ โดยผู้ลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท โดยมีผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล คือ บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด ทรัสตี คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการห้องชุด คือ กลุ่มบริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด ได้แก่ โครงการพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ หรือ โครงการ พาร์ค 24 พัฒนาโดย บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด โครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท พัฒนาโดยบริษัท พาร์ค ออริจิ้น พญาไท จำกัด และ โครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ พัฒนาโดยบริษัท ออริจิ้น พาร์ค ที 1 จำกัด และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ คือ บริษัท แฮมตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (HHR)
ด้านผู้บริหาร Token X อย่าง นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “ Token X ในฐานะหนึ่งในยานลูกพร้อมสายต่อยุทธศาสตร์ยานแม่ เตรียมให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจโคเคนดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเป็นองค์กรชั้นนำในอาเซียนด้าน Digital Asset Tokenization ภายในปี 2025”
ขณะที่บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ร่วมกับบริษัท สตรีทคอร์เนอร์ อีคอมเมิร์ซ ลิมิเต็ด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในชื่อ บริษัท อาคุละคุ เอกซ์ จำกัด (Akulaku X Co.,Ltd.) โดยมีทุนจดทะเบียนจัดตั้งขั้นต้นจำนวน 100,000 บาท และมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาทภายในไตรมาส 1 ปีนี้
โดยบริษัทนี้จะประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อภายในประเทศ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้กำกับผ่านช่องทางดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และข้อมูลทางเลือก (Alternative Data)
เป้าหมายของ CardX นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด กล่าวไว้ว่า “ CardX ตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ด้วยการขยายฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย สร้างกำไรกว่า 6 พันล้านบาท พร้อมดันพอร์ตธุรกิจของทั้งกลุ่มโต 1.5 แสนล้านบาท ภายใน 2568 และ CardX จะช่วยให้คนไทยอีกว่า 20 ล้านคน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินหรือสินเชื่อในระบบะได้อย่างเท่าเทียม ปลอดภัย ทลายทุกข้อจำกัดที่ยุ่งยากและซับซ้อน เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงทิศทางที่ดีขึ้น”