ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา วงการคริปโทเคอร์เรนซีต้องตะลึงเมื่อราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมูลค่าของมันทะลุ 3 ล้านบาทต่อ 1 BTC บนแพลตฟอร์ม Bitkub Exchange ของไทย ขณะที่ในตลาดโลก ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 89,604.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติ All Time High อีกครั้ง การปรับตัวเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
บิตคอยน์ All Time High พุ่งทะยาน! ทะลุ 3 ล้านบาท หลัง ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง ดันราคาพุ่ง!
สร้างความฮือฮาให้กับวงการคริปโทเคอร์เรนซีอีกครั้ง เมื่อราคาบิตคอยน์ (BTC) พุ่งทะยานทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาล (All Time High) โดยล่าสุดบนเว็บไซต์ Coinmarketcap.com ราคา 1 BTC พุ่งไปแตะระดับ 89,604.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเช้าวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567
ขณะเดียวกัน บนแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub Exchange ในประเทศไทย ราคาบิตคอยน์ก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างร้อนแรงเช่นเดียวกัน โดย ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ราคา 1 BTC ทะลุ 3,000,000 บาท โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 2,997,776 บาท คิดเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 8.92% ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยมีราคาสูงสุดที่ 3,000,000 บาท และราคาต่ำสุดที่ 2,750,000 บาท (อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.bitkub.com/th/market/btc)
สำนักข่าว CryptoSlate รายงานว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาบิตคอยน์ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ราคาบิตคอยน์ทำสถิติใหม่ นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนเป็นต้นมา โดยราคาได้พุ่งแตะระดับ All-time high ที่ 89,604.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาบิตคอยน์ ยังส่งผลเชิงบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Altcoin ที่ได้รับอานิสงส์จากปรากฏการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการคาดการณ์ว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาบิตคอยน์ในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับเข้ามาของนักลงทุนรายย่อยในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหาคำว่า "Bitcoin" ผ่าน Google กลับพบว่ายังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงที่ราคาบิตคอยน์พุ่งสูงสุดในปี 2021 ซึ่งนักวิเคราะห์หลายท่าน ได้ให้ความเห็นว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาในปัจจุบัน อาจเป็นผลมาจากกระแส "ทรัมป์" ควบคู่กับภาวะ "ความกลัวที่จะพลาดโอกาสในการลงทุน" (Fear Of Missing Out: FOMO) ที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในบิตคอยน์ หลังจากที่ขายออกไปก่อนหน้านี้
"Bitcoin พุ่งสู่จุดสูงสุด การปรับตัวของนักลงทุนในยุค Cryptocurrency ที่ผันผวน"
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้ นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะผันผวนของตลาด Cryptocurrency และอิทธิพลของปัจจัยภายนอกที่มีต่อมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ว่าชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า "ภาวะ Fear of Missing Out: FOMO" หรือ "ความกลัวที่จะพลาดโอกาสในการลงทุน" ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนใน Bitcoin อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และดำเนินการศึกษาข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากตลาด Cryptocurrency ยังคงมีลักษณะเฉพาะด้วยความผันผวนสูง และมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลอาจปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน
การติดตามข่าวสาร และวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดที่นักลงทุนทุกท่านพึงให้ความสำคัญ เพื่อการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาด Cryptocurrency
อนึ่ง แม้ว่า Bitcoin จะสามารถทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลได้อีกครั้ง แต่พึงตระหนักว่า การคาดการณ์อนาคตของตลาด Cryptocurrency ยังคงเป็นสิ่งที่กระทำได้ยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ การลงทุนอย่างมีวิจารณญาณ บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และจัดสรรเงินลงทุนในสัดส่วนที่สามารถยอมรับความสูญเสียได้ เพื่อให้การลงทุนใน Cryptocurrency เป็นประสบการณ์เชิงบวก และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว