Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ตลาดเงิน-ตลาดทุนโลก จะเป็นอย่างไร? ในวันที่ สหรัฐฯ-ยูเครน แตกหัก !
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ตลาดเงิน-ตลาดทุนโลก จะเป็นอย่างไร? ในวันที่ สหรัฐฯ-ยูเครน แตกหัก !

2 มี.ค. 68
11:08 น.
|
573
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

  • สถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือการกดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพ ในขณะที่ยุโรปพยายามเพิ่มบทบาทของตน โดยอาจเกิดการเจรจาสันติภาพภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยมีข้อตกลงที่ให้รัสเซียรักษาดินแดนบางส่วนที่ยึดครองไว้ แลกกับการรับประกันบางประการว่าจะไม่รุกรานเพิ่มเติม มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลยูเครนไม่ว่าจะผ่านการเลือกตั้งหรือวิธีการอื่น เพื่อเอื้อต่อการเจรจา
  • ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครน รัสเซีย สหรัฐฯ และยุโรปจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และจะกำหนดรูปแบบของภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคนี้สำหรับทศวรรษข้างหน้า

การพบกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ วลาดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแทนที่จะเป็นก้าวสำคัญสู่สันติภาพ กลับกลายเป็นจุดแตกหักทางการทูตที่อาจส่งผลกระทบต่อการเมืองโลกในระยะยาว 

ภาพการถกเถียงกันอย่างดุเดือดของ 2 ผู้นำในห้องทำงานรูปไข่ต่อหน้าสื่อและการถ่ายทอดสดถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก จนนำไปสู่การยกเลิกข้อตกลงด้านแร่ธาตุ และการพิจารณาระงับการส่งอาวุธให้ยูเครน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนความแตกแยกระหว่างสหรัฐฯกับยูเครน เท่านั้นแต่ยังชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของพันธมิตรตะวันตกและทิศทางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย

ผู้นำยูเครน-ผู้นำสหรัฐ

SPOTLIGHT นำบทวิเคราะห์ของ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX จำกัด ที่ได้ประเมินความขัดแย้งระหว่างทรัมป์-เซเลนสกี กับอนาคตของยูเครนและเสถียรภาพโลก รวมถึงผลต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน ตลาดการเงินโลกจะเป็นอย่างไรต่อไปในวันที่สหรัฐฯ-ยูเครน แตกหัก 

สถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่อาจะเกิดขึ้น 

ดร.ปิยศักดิ์ มองว่าความล้มเหลวของการประชุมระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ทำให้คาดการณ์สถานการณ์สงครามมีความเป็นไปได้ใน 3 รูปแบบคือ 

1.การบีบให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซีย ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด 70% 

สหรัฐฯ อาจลดหรือระงับการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน ทำให้ยูเครนอยู่ในสถานะที่อ่อนแอลง โดยแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการทหารอาจนำไปสู่การยอมรับข้อตกลงหยุดยิงที่ให้รัสเซียคงดินแดนที่ยึดครองไว้ได้ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำในยูเครนหากมีการมองว่า Zelenskyy เป็นอุปสรรคต่อข้อตกลงสันติภาพ

2. ยุโรปเพิ่มบทบาทในการสนับสนุนยูเครน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 10% 

สหภาพยุโรป อังกฤษ และฝรั่งเศสอาจเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารและการเงินเพื่อชดเชยการถอนตัวของสหรัฐฯ โดยอาจมีการจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพยุโรปโดยไม่มีการสนับสนุนโดยตรงจากสหรัฐฯ

การรวมตัวกันของพันธมิตรยุโรปอาจทำให้ยูเครนสามารถรักษาแนวรบได้ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

3. การขยายตัวของความขัดแย้งหรือการแช่แข็งสงคราม ซึ่งมีโอกาสเกิด 20% 

หากไม่มีข้อตกลงสันติภาพและยูเครนยังคงได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากพันธมิตรตะวันตก สงครามอาจเข้าสู่ภาวะชะงักงันระยะยาว รัสเซียอาจใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมกำลังและปรับยุทธวิธีเพื่อการรุกครั้งใหญ่

มีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะขยายวงกว้างไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะหากมีการโจมตีเป้าหมายใกล้ชายแดน NATO

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน สถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือการผสมผสานระหว่างสถานการณ์ที่ 1 การกดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลง ในขณะที่ยุโรปพยายามเพิ่มบทบาทของตน โดยอาจเกิดการเจรจาสันติภาพภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยมีข้อตกลงที่ให้รัสเซียรักษาดินแดนบางส่วนที่ยึดครองไว้ แลกกับการรับประกันบางประการว่าจะไม่รุกรานเพิ่มเติม มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลยูเครนไม่ว่าจะผ่านการเลือกตั้งหรือวิธีการอื่น เพื่อเอื้อต่อการเจรจา

ในขณะเดียวกัน ยุโรปอาจจัดตั้งกลไกความมั่นคงระยะยาวเพื่อป้องกันการรุกรานในอนาคต แม้จะไม่มีการรับประกันโดยตรงจากสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างความมั่นคงในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ

สิ่งที่แน่นอนคือ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครน รัสเซีย สหรัฐฯ และยุโรปจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และจะกำหนดรูปแบบของภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคนี้สำหรับทศวรรษข้างหน้า

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจหากเกิดสถานการณ์ยูเครน-รัสเซียตามที่คาดการณ์

การบีบให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซียตลาดหุ้นและเงินทุน

ตลาดหุ้นโดยรวม: อาจเกิดการฟื้นตัวในระยะสั้นเนื่องจากลดความไม่แน่นอนและความเสี่ยงของสงครามที่ขยายวง

หุ้นกลุ่มอาวุธและการป้องกันประเทศ: อาจปรับตัวลดลงเมื่อแรงกดดันให้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมลดลง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ

หุ้นยุโรป:อาจได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาค และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับพลังงาน

หุ้นรัสเซีย: น่าจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการคาดการณ์ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน

ค่าเงินยูโร: อาจอ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงและพลังงานในยุโรป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: อาจแข็งค่าขึ้นจากสถานะ "สินทรัพย์ปลอดภัย" เมื่อตลาดประเมินผลกระทบของข้อตกลง

ค่าเงินรูเบิลรัสเซีย: น่าจะแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อการคว่ำบาตรลดลงและการค้าฟื้นตัว

เงินฮริฟเนียยูเครน: น่าจะอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการสูญเสียดินแดน

ราคาน้ำมันดิบ: อาจลดลงในระยะสั้นเนื่องจากลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักในการจัดส่ง และความเป็นไปได้ที่น้ำมันรัสเซียจะกลับสู่ตลาดมากขึ้น 

ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป: อาจลดลงจากความเป็นไปได้ที่การจัดส่งจากรัสเซียจะเพิ่มขึ้น

ตลาดพลังงานทางเลือก: อาจชะลอตัวลงหากแรงกดดันให้เร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานลดลงเมื่อเสถียรภาพของพลังงานฟอสซิลฟื้นตัว

ทองคำ: อาจเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น แต่ยังคงได้รับการสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

สินทรัพย์ดิจิทัล: อาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่อาจปรับตัวตามแนวโน้มความเสี่ยงของตลาดโดยรวม

หากยุโรปเพิ่มบทบาทในการสนับสนุนยูเครน

ตลาดหุ้นยุโรป: อาจประสบความผันผวนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทางการคลัง

หุ้นกลุ่มอาวุธและการป้องกันประเทศในยุโรป: น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม (บริษัทเช่น BAE Systems, Rheinmetall, Thales)

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีการป้องกันและความมั่นคงไซเบอร์: อาจได้รับประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงที่เพิ่มขึ้น

หุ้นสหรัฐฯ: อาจมีการปรับตัวในเชิงบวกเมื่อความเสี่ยงของการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งลดลง

ค่าเงินยูโร: อาจอ่อนค่าลงในระยะสั้นจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ

พันธบัตรรัฐบาลยุโรป: อัตราผลตอบแทนอาจสูงขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการออกพันธบัตรเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศและความช่วยเหลือ

ตลาดเครดิตยุโรป: อาจเห็นการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างความเสี่ยงด้านเครดิตจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางการคลัง

ค่าเงินฮริฟเนียยูเครน: อาจมีเสถียรภาพมากขึ้นหากการสนับสนุนทางการเงินจากยุโรปเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ: อาจมีความผันผวนสูงขึ้นแต่มีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ

ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป: น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากความต้องการที่จะลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

การลงทุนในพลังงานทดแทนในยุโรป: น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในภาคส่วนนี้

ราคาโลหะอุตสาหกรรมและแร่หายาก: อาจสูงขึ้นจากการแข่งขันกันหาแหล่งอุปทานที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย

ภาวะเงินเฟ้อในยุโรป: อาจสูงขึ้นจากการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น

การเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรป: อาจชะลอตัวในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนและการจัดสรรทรัพยากรไปยังภาคการป้องกันประเทศแทนที่จะเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิผลในการเติบโตมากกว่า

ความยั่งยืนทางการคลัง: ประเทศในยุโรปที่มีหนี้สูงอยู่แล้ว (เช่น อิตาลี กรีซ) อาจเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติม

ประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน คือการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์  การลงทุนที่กระจายไปทั่วโลกจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนในภูมิภาคยุโรป

ไม่ว่าสถานการณ์ใดจะเกิดขึ้น ตลาดการเงินจะต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์และพลังงานในยุโรป ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามการพัฒนาอย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

อ้างอิงบทวิเคราะห์ : ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX จำกัด

ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX จำกัด
แชร์
ตลาดเงิน-ตลาดทุนโลก จะเป็นอย่างไร? ในวันที่ สหรัฐฯ-ยูเครน แตกหัก !