การพบกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ วลาดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแทนที่จะเป็นก้าวสำคัญสู่สันติภาพ กลับกลายเป็นจุดแตกหักทางการทูตที่อาจส่งผลกระทบต่อการเมืองโลกในระยะยาว
ภาพการถกเถียงกันอย่างดุเดือดของ 2 ผู้นำในห้องทำงานรูปไข่ต่อหน้าสื่อและการถ่ายทอดสดถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก จนนำไปสู่การยกเลิกข้อตกลงด้านแร่ธาตุ และการพิจารณาระงับการส่งอาวุธให้ยูเครน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนความแตกแยกระหว่างสหรัฐฯกับยูเครน เท่านั้นแต่ยังชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของพันธมิตรตะวันตกและทิศทางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วย
SPOTLIGHT นำบทวิเคราะห์ของ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX จำกัด ที่ได้ประเมินความขัดแย้งระหว่างทรัมป์-เซเลนสกี กับอนาคตของยูเครนและเสถียรภาพโลก รวมถึงผลต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน ตลาดการเงินโลกจะเป็นอย่างไรต่อไปในวันที่สหรัฐฯ-ยูเครน แตกหัก
ดร.ปิยศักดิ์ มองว่าความล้มเหลวของการประชุมระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ทำให้คาดการณ์สถานการณ์สงครามมีความเป็นไปได้ใน 3 รูปแบบคือ
สหรัฐฯ อาจลดหรือระงับการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน ทำให้ยูเครนอยู่ในสถานะที่อ่อนแอลง โดยแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการทหารอาจนำไปสู่การยอมรับข้อตกลงหยุดยิงที่ให้รัสเซียคงดินแดนที่ยึดครองไว้ได้ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำในยูเครนหากมีการมองว่า Zelenskyy เป็นอุปสรรคต่อข้อตกลงสันติภาพ
สหภาพยุโรป อังกฤษ และฝรั่งเศสอาจเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารและการเงินเพื่อชดเชยการถอนตัวของสหรัฐฯ โดยอาจมีการจัดตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพยุโรปโดยไม่มีการสนับสนุนโดยตรงจากสหรัฐฯ
การรวมตัวกันของพันธมิตรยุโรปอาจทำให้ยูเครนสามารถรักษาแนวรบได้ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
หากไม่มีข้อตกลงสันติภาพและยูเครนยังคงได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากพันธมิตรตะวันตก สงครามอาจเข้าสู่ภาวะชะงักงันระยะยาว รัสเซียอาจใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมกำลังและปรับยุทธวิธีเพื่อการรุกครั้งใหญ่
มีความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะขยายวงกว้างไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะหากมีการโจมตีเป้าหมายใกล้ชายแดน NATO
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน สถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือการผสมผสานระหว่างสถานการณ์ที่ 1 การกดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลง ในขณะที่ยุโรปพยายามเพิ่มบทบาทของตน โดยอาจเกิดการเจรจาสันติภาพภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ โดยมีข้อตกลงที่ให้รัสเซียรักษาดินแดนบางส่วนที่ยึดครองไว้ แลกกับการรับประกันบางประการว่าจะไม่รุกรานเพิ่มเติม มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลยูเครนไม่ว่าจะผ่านการเลือกตั้งหรือวิธีการอื่น เพื่อเอื้อต่อการเจรจา
ในขณะเดียวกัน ยุโรปอาจจัดตั้งกลไกความมั่นคงระยะยาวเพื่อป้องกันการรุกรานในอนาคต แม้จะไม่มีการรับประกันโดยตรงจากสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างความมั่นคงในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ
สิ่งที่แน่นอนคือ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครน รัสเซีย สหรัฐฯ และยุโรปจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และจะกำหนดรูปแบบของภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคนี้สำหรับทศวรรษข้างหน้า
การบีบให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อรัสเซียตลาดหุ้นและเงินทุน
ตลาดหุ้นโดยรวม: อาจเกิดการฟื้นตัวในระยะสั้นเนื่องจากลดความไม่แน่นอนและความเสี่ยงของสงครามที่ขยายวง
หุ้นกลุ่มอาวุธและการป้องกันประเทศ: อาจปรับตัวลดลงเมื่อแรงกดดันให้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมลดลง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ
หุ้นยุโรป:อาจได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาค และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับพลังงาน
หุ้นรัสเซีย: น่าจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากการคาดการณ์ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน
ค่าเงินยูโร: อาจอ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงและพลังงานในยุโรป
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ: อาจแข็งค่าขึ้นจากสถานะ "สินทรัพย์ปลอดภัย" เมื่อตลาดประเมินผลกระทบของข้อตกลง
ค่าเงินรูเบิลรัสเซีย: น่าจะแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อการคว่ำบาตรลดลงและการค้าฟื้นตัว
เงินฮริฟเนียยูเครน: น่าจะอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการสูญเสียดินแดน
ราคาน้ำมันดิบ: อาจลดลงในระยะสั้นเนื่องจากลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักในการจัดส่ง และความเป็นไปได้ที่น้ำมันรัสเซียจะกลับสู่ตลาดมากขึ้น
ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป: อาจลดลงจากความเป็นไปได้ที่การจัดส่งจากรัสเซียจะเพิ่มขึ้น
ตลาดพลังงานทางเลือก: อาจชะลอตัวลงหากแรงกดดันให้เร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานลดลงเมื่อเสถียรภาพของพลังงานฟอสซิลฟื้นตัว
ทองคำ: อาจเผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น แต่ยังคงได้รับการสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
สินทรัพย์ดิจิทัล: อาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่อาจปรับตัวตามแนวโน้มความเสี่ยงของตลาดโดยรวม
หากยุโรปเพิ่มบทบาทในการสนับสนุนยูเครน
ตลาดหุ้นยุโรป: อาจประสบความผันผวนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทางการคลัง
หุ้นกลุ่มอาวุธและการป้องกันประเทศในยุโรป: น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม (บริษัทเช่น BAE Systems, Rheinmetall, Thales)
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีการป้องกันและความมั่นคงไซเบอร์: อาจได้รับประโยชน์จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงที่เพิ่มขึ้น
หุ้นสหรัฐฯ: อาจมีการปรับตัวในเชิงบวกเมื่อความเสี่ยงของการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งลดลง
ค่าเงินยูโร: อาจอ่อนค่าลงในระยะสั้นจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ
พันธบัตรรัฐบาลยุโรป: อัตราผลตอบแทนอาจสูงขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการออกพันธบัตรเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศและความช่วยเหลือ
ตลาดเครดิตยุโรป: อาจเห็นการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างความเสี่ยงด้านเครดิตจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางการคลัง
ค่าเงินฮริฟเนียยูเครน: อาจมีเสถียรภาพมากขึ้นหากการสนับสนุนทางการเงินจากยุโรปเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ: อาจมีความผันผวนสูงขึ้นแต่มีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ
ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรป: น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากความต้องการที่จะลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย
การลงทุนในพลังงานทดแทนในยุโรป: น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในภาคส่วนนี้
ราคาโลหะอุตสาหกรรมและแร่หายาก: อาจสูงขึ้นจากการแข่งขันกันหาแหล่งอุปทานที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย
ภาวะเงินเฟ้อในยุโรป: อาจสูงขึ้นจากการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
การเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรป: อาจชะลอตัวในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนและการจัดสรรทรัพยากรไปยังภาคการป้องกันประเทศแทนที่จะเป็นการลงทุนที่มีประสิทธิผลในการเติบโตมากกว่า
ความยั่งยืนทางการคลัง: ประเทศในยุโรปที่มีหนี้สูงอยู่แล้ว (เช่น อิตาลี กรีซ) อาจเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติม
ประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุน คือการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ การลงทุนที่กระจายไปทั่วโลกจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนในภูมิภาคยุโรป
ไม่ว่าสถานการณ์ใดจะเกิดขึ้น ตลาดการเงินจะต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์และพลังงานในยุโรป ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องติดตามการพัฒนาอย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อ้างอิงบทวิเคราะห์ : ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ InnovestX จำกัด