ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ หลัง กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 2.00%
ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐหลายแห่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี เหลือ 2.00% เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและช่วยลดภาระทางการเงินให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ โดยรายละเอียดของการปรับลดดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารล่าสุดมีดังนี้
ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2568 ดังนี้
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงเทพ ระบุว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค รวมถึงช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 ดังนี้
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อยและภาคธุรกิจ เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ธนาคารออมสิน
ธนาคารออมสินปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2568 ดังนี้
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารต้องการช่วยลดภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ขณะเดียวกันยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อส่งเสริมการออมตามภารกิจของธนาคารเพื่อสังคม
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2568 ดังนี้:
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการของ ธอส. กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ "ทำให้คนไทยมีบ้าน" โดยช่วยลดต้นทุนในการซื้อที่อยู่อาศัยและสนับสนุนให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ธอส. จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อให้ประชาชนได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นรายแรกที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง จากนั้นมีการทยอยประกาศลดกันอย่างต่อเนื่องทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาติ
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐในครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามในการสนับสนุนเศรษฐกิจและลดภาระให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเน้นช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่มีความท้าทายทางเศรษฐกิจ