ราคาทองคำทะยานแตะ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันศุกร์ (14 มีนาคม 2025) อันเป็นผลมาจากการที่ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น หลังนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ
ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดที่ 3,005 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ โดยเจสัน ฮอลแลนด์ส กรรมการผู้จัดการของ Evelyn Partners ในสหรัฐฯ ชี้ว่า ทองคำเป็นทางเลือกสินทรัพย์ของผู้เป็นกังวล การพุ่งขึ้นล่าสุดของราคาสะท้อนถึงความไม่แน่นอนอย่างหนักที่ระบบการค้าโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ จากนโยบายการตั้งกำแพงภาษีที่แข็งกร้าวและคาดเดาไม่ได้ของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึงยังมีมาตรการตอบโต้ต่างๆอีก
ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า นี่คือสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกถึงความไม่แน่นอน และสินทรัพย์ที่ยังทำผลงานได้ดีก็คือทองคำ และนั่นคือสิ่งที่ประชาชนต้องทำเมื่อพวกเขาไม่มีความมั่นใจในคนที่กำลังบริหารจัดการประเทศอยู่
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สหรัฐฯ บังคับใช้ภาษีนำเข้า 25% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมทุกประเภท ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการภาษีชุดใหม่ของทรัมป์ ส่งผลให้แคนาดาและสหภาพยุโรปออกมาตรการตอบโต้ทันที
ทรัมป์ยังเพิ่มแรงกดดันในสงครามการค้าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยการขู่จะเรียกเก็บภาษี 200% สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากสหภาพยุโรป หาก EU ไม่ยอมยกเลิกภาษี 50% ที่เพิ่งบังคับใช้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสหรัฐฯ เมื่อวันก่อน
อย่างไรก็ตาม นโยบายการค้าของรัฐบาลทรัมป์เต็มไปด้วยความผันผวน ล่าช้า และขาดความแน่นอน ส่งผลให้ภาคธุรกิจชะลอการจ้างงานและการลงทุน เนื่องจากไม่มั่นใจในทิศทางนโยบายทางเศรษฐกิจ
วิกตอเรีย คูซัก นักวิเคราะห์จาก Sucden Financial เปิดเผยว่า หากรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง 30 วันของสหรัฐฯ ในยูเครน จะยิ่งจุดชนวนให้เกิดความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียตั้งคำถามต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ และยื่นเงื่อนไขที่เข้มงวด พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนยอมอ่อนข้อให้รัสเซีย ทั้งที่เขายืนยันว่า สนับสนุนการหยุดยิง
เทรเวอร์ กรีทแธม นักลงทุนอาวุโสจาก Royal London Asset Management เปิดเผยว่า ราคาทองคำจนถึงตอนนี้ปรับตัวขึ้นประมาณ 60% ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครนในปี 2022 ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางของจีน ก็เร่งสะสมทองคำ แทนที่จะถือสินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกอายัด เหมือนที่เกิดขึ้นกับรัสเซีย
อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นคือ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ เจสัน ฮอลแลนด์ส จาก Evelyn Partners อธิบายว่า เนื่องจากทองคำมีการซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจึงทำให้ทองคำดึงดูดนักลงทุนจากนอกสหรัฐฯ มากขึ้น