หากคุณกำลังจมอยู่กับกองหนี้ ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล หรือแม้แต่เงินกู้รถยนต์ ดอกเบี้ยก็ต่างกัน วันจ่ายก็ไม่ตรงกัน จนเงินเดือนแทบไม่พอใช้ ต้องคอยหมุนเงินจากบัตรนี้ไปโปะบัตรนั้น แถมบางเดือนจ่ายได้แค่ขั้นต่ำ อย่าเพิ่งท้อ! เรามีทางออกให้คุณ
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คนไทยมีความรู้ทางการเงิน เพื่อให้คุณสามารถจัดการชีวิตทางการเงินได้อย่างมั่นคง และไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่า "รู้งี้" เราจึงขอเสนอทางออกด้วย "การรวมหนี้" ที่จะช่วยให้ชีวิตทางการเงินของคุณง่ายขึ้น
ลองจินตนาการว่าคุณคือ มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน ฟังดูเหมือนจะสบาย แต่ความจริงแล้วคุณ A กำลังแบกภาระหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ รวมกันกว่า 230,000 บาท! แม้จะพยายามประหยัดและจ่ายขั้นต่ำ 10% ทุกเดือน (23,000 บาท) ก็แทบไม่เหลือเงินพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นไม่ได้คำนวณเพียงแค่ยอดค้างชำระเท่านั้น แต่ยังรวมถึงยอดใช้จ่ายใหม่ที่คุณรูดเพิ่มเข้าไปด้วย ยิ่งจ่ายไม่เต็ม ยอดหนี้ก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีคูณ ลองนึกภาพเหมือนก้อนหิมะที่กลิ้งลงมาจากยอดเขา ยิ่งกลิ้งนานเท่าไหร่ ก้อนหิมะก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็กลายเป็นอุปสรรคขนาดมหึมาที่ขวางทางการเงินของคุณ
ยกตัวอย่างเช่น บัตรเครดิตใบแรกของ คุณมียอดหนี้ 50,000 บาท แม้จะจ่ายขั้นต่ำ 5,000 บาท แต่ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากทั้งยอดค้างชำระ 45,000 บาท และยอดใช้จ่ายเต็มจำนวน 50,000 บาท นั่นหมายความว่า คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยจากยอดเงินรวม 95,000 บาท! นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตอีก 2 ใบที่เหลือ ซึ่งจะทำให้ยอดดอกเบี้ยรวมต่อเดือนสูงขึ้นไปอีก
การรวมหนี้เปรียบเสมือนการนำเชือกที่รัดตัวคุณอยู่หลายเส้น มารวมเป็นเส้นเดียว แล้วคลายปมให้หลวมขึ้น เพื่อให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้น ในกรณีของคุณ A หากรวมหนี้บัตรเครดิตทั้ง 3 ใบ แล้วขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อปิดหนี้ทั้งหมด จะทำให้
การมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป หากเรารู้จักใช้หนี้ให้เป็นประโยชน์ เช่นเดียวกับการลงทุน ที่ต้องใช้เงินเพื่อสร้างผลตอบแทนในอนาคต หนี้ก็สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและความก้าวหน้าในชีวิตได้ หากเราวางแผนและบริหารจัดการอย่างรอบคอบ
ลองนึกภาพว่าคุณอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีเงินก้อนใหญ่พอ การกู้เงินซื้อบ้านจึงเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล เพราะบ้านไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว หรือหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ การกู้เงินเพื่อลงทุนขยายกิจการ ก็อาจเป็นหนทางสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ในทางกลับกัน หากเราใช้หนี้อย่างไม่ระมัดระวัง เช่น กู้เงินมาเพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย หรือใช้จ่ายเกินตัว ก็อาจกลายเป็นหนี้เสียที่สร้างภาระหนักอึ้งและบั่นทอนคุณภาพชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ก็จะส่งผลเสียต่อเครดิตทางการเงิน ทำให้ยากต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจกู้เงินทุกครั้ง ควรถามตัวเองว่า "จำเป็นต้องกู้หรือไม่?" และ "สามารถชำระคืนได้ไหวหรือไม่?" อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เข้าใจถึงอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆ และความสามารถในการชำระคืนของตนเอง
เพราะความรู้ทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ KKP ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถจัดการชีวิตทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด เพื่อชีวิตที่มั่นคงและมีความสุข
ทั้งนี้ หากกำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกับคุณ A สามารถพิจารณารายละเอียดการรวมหนี้เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยกับสินเชื่อส่วนบุคคล KKP PERSONAL LOAN (อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 11.99% – 25%) ของธนาคารเกียรตินาคินภัทรได้ ที่ KKP PERSONAL LOAN