เถ้าแก่น้อยประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 โกยรายได้กว่า 2,783 ล้านบาท กำไรสุทธิพุ่ง 55.9% พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.30 บาทต่อหุ้น บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้เผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น โดยมีแผนที่จะขยายตลาดในต่างประเทศและสร้างความแข็งแกร่งในตลาดในประเทศต่อไป
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ทำรายได้จากการขาย 1,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% และมีกำไรสุทธิ 268.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% ส่งผลให้ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 2,783.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 562.6 ล้านบาท
ด้วยผลประกอบการที่ดี บอร์ดบริหารจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น และมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปีจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% โดยบริษัทฯ จะเดินหน้าสร้างแบรนด์และทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้แบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” เป็นที่รักของผู้บริโภค และเตรียมรุกขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกและสหราชอาณาจักร เพื่อรองรับเทรนด์การบริโภคสาหร่ายที่กำลังเติบโต
คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ซีอีโอเถ้าแก่น้อย เผยผลงานไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัททำรายได้ 1,416 ล้านบาท โตขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 268.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 37.5% ทำให้มีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 18.9%
สำหรับผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 2,783.3 ล้านบาท เติบโต 9.2% และมีกำไรสุทธิ 562.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบาย Go Firm ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กร ลดต้นทุน และบริหารจัดการรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และมีความพร้อมในการรับมือกับความผันผวนของต้นทุนสาหร่ายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
การเติบโตของรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็นผลมาจากการขยายช่องทางการจำหน่ายในตลาดหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย, สหรัฐอเมริกา, มาเลเซีย, และจีน รวมถึงการขยายฐานลูกค้าในตลาดรอง เช่น แคนาดา, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, และยุโรป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิ สาหร่ายเถ้าแก่น้อยเทมปุระ x น้ำพริกป้าแว่น, สาหร่ายอบรสเกลือชมพู, และสาหร่ายอบรสมะเขือเทศ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาดขนมขบเคี้ยวสาหร่าย ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 35% และต่างประเทศ 65%
ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งปีแรก 2567 (มกราคม-มิถุนายน) ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2567 การจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวว่า แม้ราคาสาหร่ายซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักจะปรับตัวสูงขึ้นในฤดูกาลใหม่ แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาอัตราการเติบโต โดยตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% ผ่านการบริหารจัดการรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับสัดส่วนสินค้าและช่องทางการขายให้เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อชดเชยการเติบโตที่ลดลงในตลาดจีนซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะรุกตลาดใหม่ๆ ในยุโรปตะวันตกและสหราชอาณาจักร เพื่อรองรับแนวโน้มการบริโภคสาหร่ายที่กำลังเติบโตทั่วโลก
สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะได้รับอานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยสูงถึง 33 ล้านคน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ TKN ยังคงมุ่งมั่นในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าสาหร่ายอบและทอดซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์และการตลาด รวมถึงการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" กับผู้บริโภค และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทสาหร่ายในประเทศไทยของบริษัทฯ