โอ้กะจู๋ หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Be Organic from Farm to Table” เน้นวิถีเกษตรอินทรีย์ (Organic) ตั้งแต่เพาะปลูกจนถึงเก็บผลผลิต ล่าสุดได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.70 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อระหว่างวันที่ 23 – 25 กันยายน 67 คาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนตุลาคมนี้
โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,110.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 778.0 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 102.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 73.9 ล้านบาท
บริษัทฯ มีกลยุทธ์และแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโต ผ่าน 7 แนวทาง ได้แก่
นายจิรายุทธ ภูวพูนผล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ OKJ ได้เล่าว่า OKJ เชี่ยวชาญในกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์ในเชิงลึก ซึ่งเป็นกระบวนการจัดหาวัตถุดิบผักสลัดที่หลากหลายและเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญที่สุดของบริษัทฯ โดยผู้บริหารและบุคลากร มีความเข้าใจวิธีการเพาะปลูก ลักษณะ และคุณสมบัติของผักแต่ละชนิด สามารถปรับเปลี่ยนวิธีเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแต่ละฤดูกาลในประเทศไทย โดยมีการทำเกษตรอินทรีย์แบบบูรณาการทุกกระบวนการ เพราะบริษัทฯ เชื่อว่าเกษตรอินทรีย์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำการเกษตรกรรม
ปัจจุบัน สวนของ OKJ ที่ใช้ปลูกผักสลัด ผลไม้บางชนิด และดอกไม้ทานได้ ด้วยกระบวนการเกษตรอินทรีย์ทั้ง 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่ เป็นฟาร์มเกษตรอินทรีย์ที่การันตีด้วยมาตรฐาน IFOAM จากสมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ USDA Organic มาตรฐานรับรองอาหารและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ของสหรัฐอเมริกา มาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์แคนาดา (Canada Organic Regime – COR) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป (EU Organic Certification)
นายวรเดช สุชัยบุญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน OKJ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ บริหารจัดการครัวกลาง บริหารจัดการสาขา ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพและประสิทธิภาพในแต่ละกระบวนการ รวมไปถึงการควบคุมการดำเนินงาน วางแผนร่วมกับผู้ให้บริการภายนอกที่มีประสบการณ์ด้านการโลจิสติกส์ในการขนส่งและการบริหารจัดการศูนย์กระจายสินค้า พร้อมใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สามารถติดตามสถานะการขนส่ง การควบคุมจัดเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ โดยจะขนส่งวัตถุดิบจากเชียงใหม่มาศูนย์กระจายสินค้าในกรุงเทพฯ รวมถึงกระจายสินค้าไปยังร้านอาหารแต่ละสาขาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผักถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของบริษัทฯ โดยสามารถจัดส่งผลผลิตที่สดใหม่จากสวนถึงหน้าร้านสาขาภายใน 28 ชั่วโมง
นางสาวเบญญาภา เตชะมณีสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ OKJ กล่าวว่า จุดแข็งของ OKJ คือการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย จากทีมวิจัย และพัฒนาที่มีศักยภาพในการคิดค้นตั้งแต่ต้นน้ำคือการเพาะปลูกผักที่หลากหลาย พืชหาทานยาก รวมถึงพัฒนาสูตรอาหาร และเครื่องดื่ม โดยร่วมกับฝ่ายการตลาดที่ศึกษาพฤติกรรม ความต้องการ และกระแสนิยมของผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯ สามารถออกเมนูใหม่ ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่หลากหลาย และแตกต่างจากอาหารเพื่อสุขภาพทั่วไป นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับกระบวนการฝึกอบรม เพิ่มศักยภาพบุคลกรอย่างสม่ำเสมอ โดยมีศูนย์การเรียนรู้ Ohkajhu academy เพื่อสร้างสมรรถนะที่ครบด้าน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ในการให้บริการลูกค้าที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เป็นคนที่เรารัก พร้อมที่จะดูแล และมอบสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม และยอดขายจากสาขาที่เปิดเพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการนำเมนูและผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาและต่อยอดมาจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมของแบรนด์โอ้กะจู๋ และนำเสนอเป็นร้านรูปแบบใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ได้แก่ การเปิดร้าน Oh! Juice และร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าและถูกพูดถึงในสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก ตอกย้ำให้ OKJ เป็นผู้นำการสร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์ และเมนูเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ (Trend setter) ให้เกิดเป็นกระแสนิยมในประเทศไทย
บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 6.70 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) 24.13 เท่า โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 โดยมี บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนตุลาคมนี้
ปัจจุบัน OKJ มีทุนจดทะเบียน 304.5 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 609.0 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.5 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 225.0 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 450.0 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159.0 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 26.1 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ขยายสาขา สร้างครัวกลางแห่งใหม่ เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เพื่อคงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ภายหลัง IPO ทาง บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด (Modulus) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้น โดยจะซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ร่วมก่อตั้งรวม 31.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 5.2% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) ในราคาเดียวกับราคาเสนอขายหุ้น IPO ในวันแรกที่หุ้น OKJ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 20% ภายหลังการ IPO และคาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมและตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อวางจำหน่ายในร้าน Café Amazon