เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ค. เกิดดีลยักษ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หลังจากบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (INTUCH) ประกาศควบรวมกิจการ เพื่อปรับโครงสร้างของบริษัท และจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
ในบทความนี้ SPOTLIGHT จึงรวบรวมความเห็นของนักวิเคราะห์และโบรกเกอร์มาให้ดูกันว่า ทำไม GULF ต้องควบรวมกิจการกับ INTUCH? ดีลนี้จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทอย่างไร? และนักลงทุนและผู้ถือหุ้นจะได้อะไรจากดีลนี้บ้าง?
บริษัทใหม่โครงสร้างชัด เอื้อให้บริหารคล่อง พอร์ตธุรกิจหลากหลายขึ้น
หลังจากการควบรวมเสร็จสิ้น กลุ่มบริษัท GULF และ INTUCH จะสามารถควบคุมดูแล และบริหารจัดการธุรกิจภายในเครือมากขึ้น เพราะบริษัทใหม่จากการควบรวม (NewCo) จะประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (holding company) และกลายเป็นกลุ่มบริษัทพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานแบบบูรณาการและดิจิทัลระดับภูมิภาค เพราะ NewCo จะกลายเป็นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง AIS (ADVANC) และ Thaicom (THCOM)
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า การที่ GULF ควบรวมกับ INTUCH และเข้ามาถือ ADVANC โดยตรงจะทำให้ discount holding ที่เคยมีในอดีต ผ่านการที่ GULF ต้องคุม ADVANC ผ่าน INTUCH หายไป และทำให้การบริหารจัดการ ADVANC ทำได้โดยตรง
ดังนั้น ดีลนี้จะเพิ่มความคล่องตัวของกลุ่มบริษัทในการบริหารจัดการธุรกิจ และการกำหนดนโยบายสำคัญ เช่น การปรับเพิ่ม payout ratio การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนในอนาคต และอื่นๆ มากขึ้น ขณะที่ INTUCH จะได้โอกาสไปเติบโตในธุรกิจอื่นๆ ที่มีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มองหามาเป็นเวลานาน
ทางด้าน นาย ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ไลฟ์สดผ่านเพจ ประกิต สิริวัฒนเกตุ ชี้ว่า GULF ในฐานะเครือธุรกิจพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภค ได้หาทางเข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจสื่อสาร และธุรกิจดิจิทัลมากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตธุรกิจ เพราะเห็นว่าธุรกิจพลังงานเริ่มถึงจุดอิ่มตัว โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า
โดยที่ผ่านมา GULF ได้เข้าไปลงทุนและซื้อหุ้นใน INTUCH มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แซงหน้า Singtel และมีอำนาจในการบริหาร แต่ปัจจุบันความเป็นเจ้าของยังไม่ชัด เพราะ GULF ดูแล ADVANC ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมผ่าน INTUCH
ดังนั้น นาย ประกิต จึงมองว่า การควบรวมที่เกิดขึ้นใหม่นี้จะเป็นการปรับโครงสร้างบริษัทที่จะทำให้การเดินหน้าธุรกิจของทั้ง GULF และ INTUCH ดีขึ้น ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน GULF เองก็ได้ไปร่วมมือกับ Alphabet บริษัทแม่ของ Google เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในภูมิภาค รวมถึงการลงทุนในหมวด digital currencies มากขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า GULF ต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจให้เป็นหมวดหมู่เดียวกันลดความซ้ำซ้อน และนักลงทุนน่าจะได้เห็นความคืบหน้าใหม่ๆ ที่ดีภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ
ใครจะได้ประโยชน์จากการควบรวม GULF-INTUCH บ้าง?
นักวิเคราะห์หลายฝ่าย มองว่า การควบรวมในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย ทั้งฝ่าย GULF และ INTUCH ที่จะได้โครงสร้างบริษัทใหม่ที่ทำให้การบริหารจัดการคล่องตัวมากยิ่งขึ้น รวมถึง SINGTEL ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง INTUCH และ ADVANC
โดย นาย ประกิต ระบุว่า รู้สึกประหลาดใจที่ SINGTEL ยังคงถือหุ้นในบริษัทใหม่ ที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH เพราะที่ผ่านมา SINGTEL ได้ลดการลงทุนในอินทัชลงแล้ว จน GULF มีสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า
ดังนั้น การที่ครั้งนี้ SINGTEL ยังถือหุ้นในบริษัทใหม่ 9.08% และ ถือ ADVANC อยู่ 23.31% แปลว่า SINGTEL ต้องมองเห็นโอกาสหรือศักยภาพบางอย่างของธุรกิจหลังการควบรวม และผลจากการควบรวมนี้มีรายงานว่า SINGTEL ได้กำไรจากอินทัช ทันทีราวๆ 400 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือบันทึกกำไร 10,000 ล้านบาท จากการที่ INTUCH ปันผลพิเศษ และได้จำนวนหุ้นใหม่ที่เกิดจากการควบรวม
ส่วนในฝั่งของผู้ถือหุ้น INTUCH ก็ได้ประโยชน์เช่นกันเพราะผู้ที่ถือหุ้น INTUCH จะได้ประโยชน์มากกว่าผู้ถือหุ้น GULF จากการปรับสัดส่วนหุ้นใหม่ เพราะหุ้น INTUCH แลกหุ้นบริษัทใหม่ได้สูงกว่ากัลฟ์ โดยอัตราการแลกหุ้น INTUCH และ GULF เป็นหุ้นใหม่ คือ
- 1 หุ้น INTUCH จะแลกได้เป็น 1.69335 หุ้นใน NewCo (ไม่รวมหุ้น 47.37% ใน INTUCH ที่ถือโดย GULF เนื่องจากได้รับการจัดสรรโดยตรงให้แก่ผู้ถือหุ้น GULF)
- 1 หุ้น GULF จะแลกได้เป็น 1.02974 หุ้นใน NewCo และ
กลยุทธ์ลงทุนสำหรับดีล GULF-INTUCH
จากการประกาศแผนควบบริษัท INTUCH และ GULF ผ่านการแลกหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าการควบบริษัทครั้งนี้จะสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น INTUCH และมองว่า ดีลนี้จะทำให้ผู้ถือหุ้น INTUCH ได้ EPS มากขึ้น และมีการฐานธุรกิจกว้างขึ้น
ดังนั้น บล. กรุงศรี จึงแนะนำให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ INTUCH ไม่ขายหุ้น และรอแลกหุ้นเป็นหุ้น NewCo เพราะ NewCo ไม่เพียงแต่จะทำกำไรได้เพิ่มขึ้น (สองเท่าจากระดับปัจจุบัน) และ ฐานสินทรัพย์จะใหญ่ขึ้น แต่ยังเป็นการกระจายโอกาสให้ได้รับกำไรจากทั้งธุรกิจพลังงาน และ ICT ไปพร้อมกันด้วย เพราะภายใต้ NewCo กำไรจากการดำเนินงานจะมาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน, ICT และ ดิจิทัล
สำหรับหุ้น INTUCH บล. กรุงศรี คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 98 บาท อิงจาก NAV ของ ADVANC โดยหัก discount 5% เพราะถึงแม้ว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นมาแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่บล. กรุงศรีมองว่ายังมีโอกาสที่หุ้นจะถูก re-rate ได้อีกจากระดับปัจจุบัน เพราะราคาหุ้นต่ำสุดของ INTUCH น่าจะอยู่ที่ประมาณ 80.50 บาท อิงจาก 76 บาท ที่ต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่ไม่เห็นด้วยกับดีลนี้ บวกกับ DPS พิเศษ 4.50 บาท
สำหรับหุ้น GULF บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำให้ "ซื้อ" หุ้น GULF ไปแปลงเป็น NewCo จะคุ้มกว่า INTUCH พราะขณะที่ราคา INTUCH วานนี้อยู่ที่ 76.25 บาท หากหักด้วยปันผลพิเศษที่จะจ่ายในช่วง Q1/68 ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น จะอยู่ที่ 71.75 บาทต่อหุ้น เทียบกับราคาปิด GULF ที่ 42.25 บาท จะคิดเป็น Ratio ที่ 1.698 สะท้อนว่าหากซื้อหุ้น GULF ปัจจุบันไปแปลงเป็น NewCo จะได้เปรียบกว่าซื้อ INTUCH ไปแปลงราว 3.4% ไม่รวมเงินปันผลที่จ่ายออกมาเพิ่มเติมจากผลประกอบการปกติของ INTUCH
ในเชิงพื้นฐาน หยวนต้าคงคำแนะนำ “ซื้อ” GULF ที่ราคาเหมาะสม 52.75 บาทต่อหุ้น INTUCH ที่ราคาเหมาะสม 83.00 บาทต่อหุ้น และ ADVANC ที่ 245.00 บาทต่อหุ้น และในระยะถัดไปคาดหุ้นจะมีการเก็งกำไรระหว่างกันโดยอิง swap ratio เพื่อหาตัวที่คุ้มค่าในการไปแปลงเป็น NewCo ซึ่งหยวนต้าคาดตลาดจะให้น้ำหนักเชิงบวกกับ NewCo จากความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ADVANC ที่มากขึ้น
สำหรับหุ้น ADVANC นาย ประกิต แนะนำให้ถือเช่นกัน เพราะหลังการควบรวม NewCo จะถือหุ้น ADVANC ถึง 40% ซึ่งอนาคตคิดว่าจะได้ประโยชน์ไปด้วยเพราะทิศทางของธุรกิจจะไปในทางเดียวกันส่งเสริมซึ่งกันและกัน ดังนั้นหากถือหุ้น ADVANC อยู่ก็ไม่จำเป็นต้องขายออกมา