เวียดนามเตรียมลดจำนวนเจ้าหน้าที่รัฐลง 1 ใน 5 และตัดงบประมาณภาครัฐหลายพันล้านดอลลาร์ หลังจากรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างครั้งใหญ่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 กุมภาพันธ์ 2025) การปฏิรูปครั้งนี้สร้างความกังวลให้กับประเทศคอมมิวนิสต์อย่างเวียดนาม ซึ่งการทำงานให้รัฐ หมายถึงจะมีงานทำตลอดชีวิต
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเวียดนามระบุว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็น “การปฏิวัติ” โดยจะลดจำนวนกระทรวงและหน่วยงานของรัฐจาก 30 เหลือเพียง 22 แห่ง โดยเว็บไซต์ของรัฐสภาเวียดนามระบุว่า สภาแห่งชาติได้ลงมติรับรองโครงสร้างองค์กรใหม่ของรัฐบาลแล้ว
ภายใต้แผนดังกล่าว กระทรวงคมนาคม กระทรวงวางแผนและการลงทุน กระทรวงสื่อสาร และกระทรวงแรงงานจะถูกยุบ นอกจากนี้ สื่อของรัฐบาล ข้าราชการ ตำรวจ และกองทัพจะถูกตัดลดงบต่างๆ
ในการปรับโครงสร้างรัฐบาลครั้งนี้ สภาแห่งชาติยังอนุมัติรองนายกรัฐมนตรีใหม่อีก 2 คน ทำให้ขณะนี้เวียดนามมีรองนายกรัฐมนตรีรวม 7 คน
ข้อมูลจากรัฐบาลระบุว่า นับจนถึงปี 2022 เวียดนามมีข้าราชการเกือบ 2 ล้านคนทำงานในภาครัฐ ขณะที่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประเมินว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มาก อย่างไรก็ตาม เวียดนามจะลดจำนวนข้าราชการลง 1 ใน 5 ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยรัฐบาลระบุว่า จะมีคนตกงานหรือได้รับข้อเสนอให้เกษียณก่อนกำหนดประมาณ 100,000 คน
โต เลิม ประธานาธิบดีคนใหม่ของเวียดนาม ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อครึ่งปีก่อน ย้ำว่าหน่วยงานของรัฐไม่ควรเป็น สวรรค์ที่มาหลบภัยของเจ้าหน้าที่ที่ไร้ประสิทธิภาพ หากต้องการร่างกายที่แข็งแรง บางครั้งเราก็ต้องกินยาขม และอดทนต่อความเจ็บปวดเพื่อกำจัดเนื้องอก เขายังระบุด้วยว่า แผนปรับลดข้าราชการได้รับเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากประชาชน
อย่างไรก็ตาม พนักงานรัฐหลายคนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AFP ว่า พวกเขาถูกเลิกจ้างโดยมีการแจ้งเตือนเพียงเล็กน้อย และกังวลว่า การตัดสินใจเลือกพนักงานที่อยู่ต่อไม่ได้พิจารณาจากความสามารถที่แท้จริง
โปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์คนหนึ่ง ซึ่งทำงานมาอย่างยาวนานถึง 12 ปี ถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหันเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากสถานีข่าวช่องของรัฐบาลที่เขาทำงานอยู่ถูกปิด ซึ่งสถานีดังกล่าวเป็นหนึ่งในห้าสถานีที่ถูกปิดไปแล้ว และเขาได้รับแจ้งล่วงหน้าเพียงสองสัปดาห์ และปัจจุบัน เขาต้องหันมาเป็นคนขับแท็กซี่เพื่อเลี้ยงครอบครัว
เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 7.1% ในปี 2024 และในปีนี้ เวียดนาม ซึ่งกำลังเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็น 8% อย่างไรก็ตาม ความกังวลเริ่มเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเปราะบางของเวียดนามต่อกำแพงภาษีของสหรัฐฯภายใต้รัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ระบบราชการที่เทอะทะก็ถูกมองว่า เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลดำเนินแคมเปญต่อต้านคอร์รัปชัน ก็ทำให้การทำธุรกิจหลายอย่างชะลอตัวลง
คาดการณ์ว่า การปรับลดงบประมาณภาครัฐจะช่วยประหยัดเงินได้ 4,500 ล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะต้องใช้จ่ายมากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ในการจ่ายเงินเกษียณและค่าชดเชยให้กับข้าราชการที่ถูกเลิกจ้าง
จริงๆแล้ว การลดขนาดระบบราชการเป็นนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมานานเกือบทศวรรษแล้ว แต่โต เลิม ผู้นำคนใหม่กำลังผลักดันแผนนี้ให้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ เขายังขับเคลื่อนมาตรการปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้ผู้นำธุรกิจและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายสิบคนถูกจับกุม รวมถึงอดีตประธานาธิบดีสองคนและรองนายกรัฐมนตรีสามคนตั้งแต่ปี 2021
แม้ผู้วิจารณ์กล่าวหาว่าเขาใช้แคมเปญนี้เพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมือง แต่การปราบปรามคอร์รัปชันได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า เลิมอาจพยายามเสริมสร้างอำนาจและความชอบธรรมของตนเองก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ในต้นปี 2026