การเงิน

ดอกเบี้ยเฟดจะลดหรือไม่ หุ้นสหรัฐฯ ยังไงก็ไปต่อ

17 ส.ค. 67
ดอกเบี้ยเฟดจะลดหรือไม่ หุ้นสหรัฐฯ ยังไงก็ไปต่อ
ไฮไลท์ Highlight
ผมคงไม่อาจการันตีได้หรอกนะครับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่สิ่งที่อยากจะมาชี้ให้เห็นก็คือว่าต่อให้อนาคตเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ในระยะยาวจากสถิติ ตลาดหุ้นก็ยังยืนยันว่าเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลงครับ

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านครับ  เราผ่านเดือนสิงหาคมที่แสนดุเดือดผ่านมาแล้ว  2 สัปดาห์ หนักหนาสาหัสไม่น้อยเลยใช่ไหมครับซึ่งอดที่จะนำมาพูดถึงไม่ได้เลย

มีใครที่เพิ่งเข้าตลาดในช่วงนี้ไหมครับ หรือเพิ่งโยกการลงทุนจากตลาดหุ้นไทยที่แสนจะบอบช้ำมาเจอหุ้นโลกกระหน่ำซัมเมอร์เซลใส่อีก...ผมได้แต่บอกว่าอย่าเพิ่งขวัญหนีดีฝ่อกันไปเสียก่อนนะครับ ‘ในทุกวิกฤติคือโอกาส’ ผมยังย้ำคำนี้เสมอ และวันนี้ผมมีข้อมูลที่จะมาแชร์ให้คุณผู้อ่านได้ลองพิจารณา แล้วจะพลิกมุมมองให้วิกฤติของคนอื่นคือโอกาสสำหรับคุณได้แน่นอนครับ

ประเด็นดราม่าที่กำลังเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในเวลานี้พาให้นักลงทุนเกิดความกังวลกับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามในแถบตะวันออกกลาง หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่มีมาให้ได้ยิน ให้กังวลกันอยู่บ่อยๆ

ในอีก1-2 ปีจะเกิดอะไรขึ้นเราไม่มีทางรู้เลยจริงๆ ครับ ข่าวเศรษฐกิจถดถอยเราได้ยินอยู่เรื่อยๆ สงครามจู่ๆ ก็ปะทุ โรคร้ายอยู่ดีๆ ก็ระบาด ดัชนีชี้วัดบางอย่างที่เคยใช้ได้ ก็อาจจะถูกตั้งคำถามว่า ยังใช้ได้กับปัจจุบัน จริงหรือไม่ เช่น Inverted Yield Curve ที่ว่ากันว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังมา ทำให้หลายคนรีบขายหุ้นทำกำไร เก็บเงินสดรอ แต่รอมา 2 ปี เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ไม่เข้า Recession ซะที จนหลายคนเกือบจะลืมประเด็นนี้ไปแล้ว

แถมตลาดหุ้นยังขึ้นต่อ และพวกเขาก็พลาดช่วงหุ้นขึ้นนี้ไปหมด ดังนั้น การพยายามซื้อขายให้ตรงจังหวะ เป็นเรื่องยากมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่นักเทรดมือฉมังแล้วละก็ มีโอกาสเสียมากกว่าได้ครับ

ผมคงไม่อาจการันตีได้หรอกนะครับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่สิ่งที่อยากจะมาชี้ให้เห็นก็คือว่าต่อให้อนาคตเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ในระยะยาวจากสถิติ ตลาดหุ้นก็ยังยืนยันว่าเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลงครับ

หากดูจากดัชนี S&P 500 จากข้อมูลสถิติผลตอบแทนรายปีย้อนหลัง 96 ปี พบว่าดัชนีเป็นขาขึ้น 70 ปี เป็นขาลง 26 ปี หมายความว่าในทุก 10 ปี ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น 7 ปี เป็นขาลง 3 ปี หรือจะให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองดูย้อนหลังไปสัก 20 ปีก็ได้ครับ จะเห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ผ่านวิกฤติมาอย่างโชกโชน

ลองมาดูกันที่วิกฤติซับไพร์ม เมื่อปี 2551 ดัชนี S&P 500 ปรับลดลงมา -55.25% แม้จะรุนแรง แต่ก็ใช้เวลา 1,636 วัน หรือ ประมาณ 4 ปีครึ่ง ก็สามารถกลับมาสู่จุดเดิมได้แล้ว

หรือเมื่อโลกเข้าสู่วิกฤติ Covid-19 ในปี 2563 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก ดัชนี S&P 500 ก็ปรับลดลงมา -33.79% แต่ใช้เวลาเพียง 172 วัน ก็สามารถกลับมาสู่จุดเดิมได้แล้ว

และล่าสุด วิกฤติเงินเฟ้อสูง ทำให้ Fed ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วและแรง เมื่อปี 2565 ดัชนี S&P 500 ปรับลดลงมา -24.49% แต่ใช้เวลาเพียง 709 วัน ก็สามารถกลับมาสู่จุดเดิม และโตมากกว่าเดิมไปไกลครับ...คุณเห็นแล้วใช่ไหมครับ จากวิกฤติใหญ่ๆ ทั้ง 3 ครั้งล่าสุด สุดท้ายตลาดหุ้นก็กลับมาทำกำไรได้อยู่ดี

ดอกเบี้ยเฟดจะลดหรือไม่ หุ้นสหรัฐฯ ยังไงก็ไปต่อ

ดังนั้นตลาดหุ้นที่ย่อตัวลงมาในเวลานี้ หากคุณจะลองหยุดบุลลี่ตลาด และกลับมาทบทวนตัวเองว่าควรรับมือวิกฤติครั้งล่าสุดนี้อย่างไร ผมอยากให้คุณนั่งทับมือไว้ก่อน  คิดและวิเคราะห์ให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปลองพิจารณาดูว่าเหตุการณ์เหล่านี้กระทบหุ้นที่คุณลงทุนอยู่หรือไม่ หรือหุ้นตัวไหนที่ยังคุณภาพดีมีโอกาสเติบโต แต่ราคาตกลงมาแค่เพราะความกังวลของนักลงทุน เพราะนั่นอาจหมายถึงโอกาสลงทุนในหุ้นคุณภาพดี ราคาถูก มีโอกาสเติบโตพุ่งทะยานในอนาคต

‘สติ’ จะช่วยให้คุณไม่ตัดสินใจผิดพลาดจนต้องอุทานว่า ‘รู้งี้’ ออกมา

หากมองไปรอบๆ อย่างใจเย็น เราอาจจะได้เห็นอีกโอกาสที่น่าสนใจ นอกจากตลาดหุ้นที่ย่อตัวลงมาเชื้อเชิญเราแล้ว ในตอนนี้เราจะได้เห็นว่าค่าเงินบาทยังแข็งค่ามาอีกแรงหนุน ถือเป็นโอกาสดีที่คุณจะลงทุนหรือเพิ่มทุน เพราะแค่แลกเงินก็มีกำไรตุนไว้ในกระเป๋าแล้วครับ ตั้งสติ คิดให้รอบคอบ และคว้าโอกาสลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ มีลุ้นไปกับรางวัลอันหอมหวานในอนาคตครับ 

ผมยังมีอีกตัวเลขมาฝาก หากคุณยังลังเลในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผมขอให้ลองดูตัวเลขผลตอบแทนของ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2567 อยู่ที่ 11.44% (YTD) ไม่น้อยเลยจริงไหมครับ เพราะ AI ที่คอยคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีราคาถูก ระดับท็อปแบบไม่มี Bias ไม่ว่าหุ้นตัวนั้นจะโดนบุลลี่ขนาดไหน ถ้าข้างในยังดีจริง AI ก็ไม่รอช้าครับ  แถมยังปรับพอร์ตอย่างอัตโนมัติทุก 3 เดือน ไม่ว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร AI ปรับให้เหมาะสมอยู่เสมอ

หรือหากคุณเป็นนักลงทุนที่มีหุ้นสหรัฐฯ ติดพอร์ตไว้อยู่แล้ว นี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะช่วยให้คุณเข้าไป DCA เพื่อช่วยให้พอร์ตของคุณแข็งแกร่ง และเติบโตได้ดียิ่งขึ้น  ต่อให้ที่ผ่านมาคุณเผลอเข้าไปอยู่บนดอย การ DCA ก็จะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนให้พอร์ตพลิกกลับมาเติบโตได้เร็วขึ้น หรือโชคดีลงในช่วงวิกฤติช้อนหุ้นที่กำลังตก การ DCA ก็จะช่วยให้พอร์ตติดปีก สร้างผลตอบแทนให้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ

ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรให้วิเคราะห์ว่าส่วนไหนเป็นวิกฤติและส่วนไหนคือโอกาส และรับมือด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เท่านี้เส้นทางการลงทุนของคุณก็ราบรื่นขึ้น สามารถเดินไปสู่เป้าหมายในอนาคตได้อย่างสบายใจมากขึ้นครับ

สุดท้ายนี้ ผมอยากจะย้ำว่า ‘โอกาส’ ถ้าคุณเห็นและคว้าไว้ทัน รางวัลมันช่างหอมหวานครับมาคว้าโอกาสไปด้วยกันนะครับ

 

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT