การเงิน

ราคาน้ำมันดิบน่ากังวลแค่ไหน? เมื่อเงินเฟ้อหลายๆ ประเทศลดลง

15 ก.ย. 67
ราคาน้ำมันดิบน่ากังวลแค่ไหน? เมื่อเงินเฟ้อหลายๆ ประเทศลดลง

ราคาน้ำมันดิบตอนนี้มีเสถียรภาพค่อนข้างดี ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กงอแงหรือสร้างปัญหาให้กับชาวโลกเหมือนในบางช่วงเวลา ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิต และขนส่งที่ไม่แกว่งตัวมาก ผู้ผลิตเองก็ไม่ต้องบวกกำไรเผื่อไว้เยอะ ดังนั้นสังเกตได้ว่า อัตราเงินเฟ้อในหลาย ประเทศเริ่มทยอยปรับตัวลดลงตามลำดับ

หากพิจารณาจากด้านอุปสงค์ ภาคการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในอันดับต้นของโลก ไม่ว่าจะประเทศสหรัฐ จีน หรือทวีปยุโรป ล้วนอยู่ในภาพการผลิตหดตัวลงต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งอาจอธิบายให้ง่ายก็น่ามาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารสหรัฐ และยุโรปเพื่อคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแรงหลังผลกระทบจากโควิดต่อภาวะห่วงโซ่อุปทาน ภาวะความขัดแย้งในภูมิศาสตร์โลก ภาวะราคาอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่ตกต่ำซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นและการบริโภคของคนจีน

การขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งกระทบต่อภาวะหนี้สินภาคครัวเรือน รวมถึงราคาสินค้า ค่าครองชีพที่สูงขึ้นในอัตราที่เร็วกว่ารายได้ ส่งผลให้เกิดผลกระทบซ้ำเติมต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคหลังโควิดผ่านพ้นไป ทีมวิจัยฯ ของหลักทรัพย์บัวหลวงประเมินว่า ภาวะการเติบโตเศรษฐกิจของหลายประเทศที่มีมูลค่าเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจะเป็นการจำกัดการขยายตัวของการบริโภคน้ำมันดิบในอีก 6-12 เดือน กลุ่มโอเปคนั้นประเมินว่า การบริโภคน้ำมันดิบจะขยายตัวราว 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567 และอีก 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2568

ในทางตรงกันข้ามการเพิ่มกำลังการผลิตของน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศนอกสมาชิกโอเปคอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าสมาชิกกลุ่มโอเปคจะพยายามขยายเวลาลดกำลังการผลิตภายในสมาชิก เริ่มทำให้สมาชิกโอเปคที่เป็นประเทศรัฐสวัสดิการ และต้องการคะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชนในประเทศตนเองเพื่อลดแรงกดดันความวุ่นวายในประเทศตัวเอง เริ่มเรียกร้องให้มีการขยายกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกินราว 1.5-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งต้องผลิตและนำไปเก็บในแทงค์ เพื่อควบคุมราคาน้ำมันดิบให้อยู่ในระดับปัจจุบัน $70-$85 บาร์เรล

เทคโนโลยีภาคการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเข้าถึงแหล่งน้ำมันในระดับการเจาะที่ลึกมากขึ้น จากการศึกษาของมอร์แกน สแตนเลย์ นักวิเคราะห์ชี้ว่า ต้นทุนหลุมน้ำมันเฉลี่ยจะอยู่ราว $50 ต่อบาร์เรล
ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในปัจจุบันค่อนข้างมาก ขณะที่นโยบายของแคดดิเดทประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่า หากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ เค้าจะนำนโยบายกีดกันการผลิตน้ำมันกลับมาใช้กับประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศผลิตน้ำมันใหญ่ของโลกอีกครั้ง แต่จะสนับสนุนบริษัทผลิตน้ำมันดิบสหรัฐให้ขุดเจาะน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้นเพื่อทำให้คนอเมริกันสามารถลดค่าใช้จ่ายครองชีพลงได้

สำหรับกราฟราคาน้ำมันดิบ WTI ขณะนี้แกว่งตัวแคบลงเรื่อย ๆ สำหรับผู้ประกอบการ หรือรัฐบาลเองอาจบอกว่า มีเสถียรภาพที่ดี จากต้นปี-ปัจจุบัน ราคาค่อนข้างทรงตัว แต่สำหรับนักลงทุน เก็งกำไรราคาน้ำมันนั้น ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบนั้นแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยม คล้ายเสมือนสถานะการณ์ก่อนพายุใหญ่จะเข้า ความผันผวนราคาน้ำมันกำลังจะก่อตัวขึ้นจากนี้อีกไม่นาน ราคาน้ำมันดิบจะต้องเลือกว่าจะพุ่งขึ้น หรือพุ่งลงอย่างรุนแรง ซึ่งนักลงทุนควรจะเลี่ยงการถือครองหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน หรือผลิตน้ำมันในช่วงเวลานี้

 

กราฟแสดงราคาน้ำมันดิบ WTI

 
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

advertisement

SPOTLIGHT