การเงิน

Colin Huang เจ้าของ TEMU ตกอันดับคนรวยที่สุดในจีน หลังได้ขึ้น 18 วัน

27 ส.ค. 67
Colin Huang เจ้าของ TEMU ตกอันดับคนรวยที่สุดในจีน หลังได้ขึ้น 18 วัน

Colin Huang (โคลิน หวัง) เจ้าของ TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ตกอันดับในฐานะบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน หลังจากครองตำแหน่งได้เพียง 18 วันเท่านั้น เนื่องจากหุ้นของ PDD Holdings ร่วงกว่า 29%

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้นของ PDD Holdings ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TEMU ร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้ทรัพย์สินของ Huang ลดลงกว่า 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4.79 แสนล้านบาท เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในวันเดียวของเขา

โดยในปัจจุบัน หวัง เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 4 ของจีน ด้วยทรัพย์สินสุทธิเพียง 3.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.195 ล้านล้านบาท ตามดัชนี Bloomberg Billionaires Index หลังจากวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา เขาได้กลายมาเป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยีรายแรกที่ครองอันดับความมั่งคั่งของจีนในรอบกว่า 3 ปี แซงหน้า Zhong Shanshan มหาเศรษฐีผู้ผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด

โดยสาเหตุที่มูลค่าหุ้นลดลงในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ PDD รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเตือนว่า การเติบโตของยอดขายจะชะลอตัวลง กระทบถึงมูลค่าหุ้นของบริษัทร่วงลง 29% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Chen Lei (เฉิน เล่ย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวกับนักวิเคราะห์หลังจากการประกาศผลประกอบการว่า แนวโน้มปัจจุบันของบริษัทไม่ยั่งยืน ในช่วงเวลาที่คู่แข่ง อย่าง TikTok ของ ByteDance และ Alibaba Group Holding กำลังแข่งขันเพื่อชิงกลุ่มลูกค้าที่ควบคุมการใช้จ่าย ทำให้ PDD ยังไม่มีแผนในการซื้อหุ้นคืนหรือจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนในอนาคตข้างหน้า

สำหรับผลประกอบการในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2024 ยอดขายรวมของ TEMU เพิ่มขึ้น 86% แตะ 9.706 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 4.63 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิแตะ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.53 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 144% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

กว่าจะมาเป็น TEMU

หวังก่อตั้ง PDD ในปี 2015 หลังจากเปิดตัวกิจการเกมและอีคอมเมิร์ซไม่กี่แห่ง ทำให้เขาไต่อันดับขึ้นสู่ตำแหน่งมหาเศรษฐีของโลกอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูงถึง 7.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.43 ล้านล้านบาทในช่วงต้นปี 2021

TEMU ขึ้นชื่อเรื่องการขายสินค้าราคาถูก พร้อมโปรโมชั่นสุดอลังการ ดึงดูดผู้บริโภคได้จำนวนมาก ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น แพลตฟอร์มดังกล่าวได้ขยายกิจการออกนอกประเทศจีน และกลายเป็นหนึ่งในแอปของสหรัฐฯ ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดอย่างรวดเร็ว หลังจากเปิดตัวในปี 2022 ตั้งแต่นั้นมา แพลตฟอร์มดังกล่าวก็เริ่มท้าทายยักษ์ใหญ่ด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ของจีนอย่าง Shein และแม้แต่ Amazon ในกลุ่มผลิตภัณฑ์บางกลุ่ม

แต่บริษัทต้องเผชิญกับพ่อค้ารายย่อยหลายร้อยราย ที่ได้จัดการชุมนุมที่สำนักงานของ PDD ทางตอนใต้ของจีนในช่วงฤดูร้อนนี้ เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการลงโทษร้านค้า ที่ส่งผลให้บางร้านต้องปิดตัวและล้มละลาย ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปกำลังดำเนินการเสนอเพื่อปิดช่องโหว่ด้านภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าราคาถูกที่ซื้อทางออนไลน์

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ PDD Holdings อยู่ที่ 100.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น และมูลค่าตลาดเหลือเพียง 1.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.72 ล้านล้านบาท

ที่มา Bloomberg, Nikkei Asia

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT