การหางานในโลกปัจจุบัน ในมุมของผู้สมัครถือว่ามีโอกาสมากมาย เพราะมีหลากหลายแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เลือกยื่นสมัครกับบริษัทที่ถูกใจ แต่ในทางกลับกัน ฝั่งผู้ประกอบการที่จะต้องเผชิญกับใบสมัครงานจำนวนมหาศาล ซึ่งจะมีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้นที่ถูกเลือก นอกจากการทำเรซูเม่ที่น่าสนใจแล้ว การสร้าง ‘โปรไฟล์’ ที่เป็นเหมือนเรซูเม่แบบออนไลน์บนแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ให้ถูกตาต้องใจนายจ้าง ก็สำคัญไม่แพ้กัน
JobsDB แพลตฟอร์มหางานออนไลน์ชั้นนำของเอเชียได้แนะนำกลเม็ดที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณกลายเป็นแคนดิเดตเบอร์ต้นในใจนายจ้าง เพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานมากขึ้น ดังนี้
โปรไฟล์ VS เรซูเม่
โปรไฟล์ผู้สมัครงานบนแพลตฟอร์มหางานออนไลน์นั้น มีฟังก์ชันการใช้งานคล้ายกับเรซูเม่ แต่หลักการทำงานต่างกัน กล่าวคือ โปรไฟล์ต้องกรอกข้อมูลประวัติการศึกษาและการทำงานในระบบของเว็บไซต์ โดยข้อมูลที่ถูกบันทึกลงไปนั้นจะเป็นคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ผู้ประกอบการสามารถค้นหาโปรไฟล์ของผู้สมัครตามคุณสมบัติที่บริษัทต้องการ แถมผู้สมัครยังสามารถระบุจุดแข็งของตนเอง และความสำเร็จในการทำงานที่ผ่านมา เพื่อยกระดับให้โปรไฟล์เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ประกอบการได้อีกด้วย
หลักการของผลการค้นหา “โปรไฟล์ผู้สมัครงาน" ระบบจะแสดงโปรไฟล์ที่อัปเดตล่าสุดขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ เพราะฉะนั้นหากคุณอัปเดตโปรไฟล์อย่างสม่ำเสมอ และตั้งค่าสถานะโปรไฟล์เป็น “อนุญาตให้ดูข้อมูล” ผู้ประกอบการจะสามารถดูข้อมูลทั้งหมดในโปรไฟล์ของคุณ รวมทั้งเรซูเม่ ข้อมูลการติดต่อ และเสนอตำแหน่งงานที่ใช่ให้กับคุณได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
5 กลเม็ดปั้นโปรไฟล์เด็ดจนได้งาน
- ประสบการณ์การทำงานและประวัติการศึกษา - ผู้ประกอบการจะตัดสินใจคัดเลือกพนักงานมาร่วมงานด้วยต้องพิจารณาจากประวัติไม่ว่าจะเป็นประวัติการศึกษาและประวัติการทำงานที่ผ่านมาว่ามีความเหมาะสมกับตำแหน่งที่กำลังเปิดรับอยู่หรือไม่
Tips: สำหรับประวัติการทำงาน ควรใส่ Keywords เกี่ยวกับงานที่ผู้ประกอบการกำลังค้นหาเข้าไปด้วย เพื่อให้ระบบ AI ทำการจับคู่ Keywords ดังกล่าว และแจ้งเตือนไปที่ผู้ประกอบการ ทำให้คุณมีสิทธิ์ได้รับเลือกเร็วขึ้น ส่วนการศึกษา ควรใส่ประวัติการศึกษาสูงสุดไว้ลำดับแรก และค่อยเพิ่มประวัติการศึกษาลำดับถัดไป ไม่เกิน 2 หรือ 3 ลำดับสูงสุดเท่านั้น
- ทักษะที่เหมาะสมกับลักษณะงาน - ผู้สมัครงานควรระบุทักษะซึ่งจะเป็น Keywords สำหรับผู้ประกอบการในการค้นหา Hard Skills (ทักษะความรู้และเทคนิคเฉพาะ) ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน เช่น Microsoft Office, PowerBI, Photoshop, Illustrator, Dreamweaver, HTML, PHP, AutoCAD, Matlab, SPSS และ Express
Tips: ควรระบุคุณสมบัติทางด้าน Soft Skill (ทักษะทางด้านบุคคลและสังคม) ด้วย เช่น Communication, Presentation, Negotiation หรือ Leadership skill รวมถึงคุณสมบัติด้าน Meta skills (ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต) เพิ่มด้วย เช่น Growth Mindset, Teamwork, Creativity เป็นต้น
- ประกาศนียบัตร - ใบคะแนนการสอบวัดระดับ และรางวัลต่าง ๆ หากผู้ที่กำลังหางานได้แนบหลักฐานการแสดงถึงความรู้ ความสามารถ และศักยภาพของผู้สมัครงาน ก็จะทำให้ผู้สมัครเป็นมีความโดดเด่น ตลอดจนทำให้ผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นพนักงานที่จะสามารถนำมาพัฒนาองค์กรได้ในอนาคต
Tips: ประกาศนียบัตรไม่จำเป็นต้องใส่เพียงการอบรมเกี่ยวกับวิชาการเสมอไป แต่สามารถใส่ได้ทั้งการอบรมด้านบุลิกภาพ การเข้าสังคม และอื่น ๆ
- ทักษะด้านภาษา - การระบุถึงความสามารถด้านภาษาอย่างน้อย 2 ภาษา คือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะช่วยให้โปรไฟล์ของคุณโดดเด่นมากขึ้น แต่หากคุณมีความรู้ด้านภาษาอื่น ๆ การเพิ่มภาษาเข้าไปจะทำให้ผู้ประกอบการมีตัวเลือกในการประกอบการตัดสินใจมากขึ้น
Tips: นอกจากภาษาไทยแล้ว แนะนำให้ใส่ความสามารถภาษาที่ 2 หรือ 3 เนื่องจากกว่า 80% ของผู้ประกอบการมองหาผู้สมัครที่สามารถสื่อสารภาษาที่ 2 ได้
- การเพิ่มเรซูเม่ - หากผู้สมัครงานมีเรซูเม่หรือไฟล์งานอื่น ๆ อย่าง Portfolio ที่จะช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้ประกอบการได้ก็สามารถอัปโหลดไฟล์เข้าไปในระบบเว็บไซต์หางานและเก็บบันทึกไว้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำมาประกอบการพิจารณาได้เพิ่มเติม
แม้การสัมภาษณ์จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะตัดสินว่าผู้สมัครจะได้งานหรือไม่ แต่บันไดขั้นแรกที่จะทำให้ผู้สมัครถูกเลือกเข้าห้องสัมภาษณ์ก็คือการมีเรซูเม่ และโปร์ไฟล์บนแพลตฟอร์มหางานที่ดึงดูด และแมทช์กับความต้องการของผู้ประกอบการ ลองนำเทคนิค 5 ข้อนี้ไปใช้ แล้วระยะทางระหว่างคุณ กับงานในฝันจะใกล้กันมากขึ้น