Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิด 10 อันดับประเทศเป็นมิตรกับ Digital Nomad ทำงานทางไกล พร้อมอยู่เที่ยวได้ยาวๆ
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

เปิด 10 อันดับประเทศเป็นมิตรกับ Digital Nomad ทำงานทางไกล พร้อมอยู่เที่ยวได้ยาวๆ

11 ม.ค. 67
15:38 น.
|
636
แชร์

‘สเปน’ ติดอันดับ ‘ประเทศที่น่าไปทำงานทางไกล’ ที่สุดในโลก เพราะมีนโยบายวีซ่าเอื้อให้ ‘ดิจิทัล โนแมด’ (Digital Nomad) หรือกลุ่มบุคคลที่ทำงานออนไลน์ทางไกลได้ เข้าไปทำงาน เพียงมีรายได้ประมาณ 2,140 ยูโร หรือราว 82,304 บาท/เดือน และมีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 1 ปี

ในปัจจุบันมีหลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยี อนุญาตให้พนักงานทำงานออนไลน์ทางไกลได้มากขึ้น เพราะระบบการทำงานได้เปลี่ยนมาเป็นระบบดิจิทัล ทำให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ที่มีคอมพิวเตอร์และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ค่อนข้างเร็วและเสถียร โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หรือปักหลักอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆ 

รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปนี้ ทำให้เกิดกลุ่มแรงงานยุคใหม่ที่เรียกว่า ‘ดิจิทัล โนแมด’ ขึ้นมา โดยหากแปลตรงตัว โนแมด จะแปลว่า กลุ่มคนเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้น ‘ดิจิทัล โนแมด’ ก็คือกลุ่มที่ทำงานออนไลน์จากที่ไหนก็ได้นั่นเอง

ทั้งนี้ ด้วยความที่ดิจิทัลโนแมดมักจะเป็นแรงงานทักษะและรายได้สูง หลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศในช่วงหลังเกิดการระบาดของโควิดที่เสียรายได้จากการท่องเที่ยว จึงได้ออกวีซ่าทำงานทางไกลออกมาดึงดูดให้ดิจิทัลโนแมดเหล่านี้เข้าไปทำงานและจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว โดยในปัจจุบันมีประมาณ 50 ประเทศทั่วโลกที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสมัครวีซ่าชนิดนี้เพื่อเข้าไปทำงานในประเทศได้

‘สเปน’ อันดับ 1 ขวัญใจโนแมด เน็ตเร็ว พาครอบครัวไปด้วยได้

ในทุกปี  VisaGuide.World เว็บไซต์ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า ได้จัดทำ Digital Nomad Visa Index ซึ่งเป็นการจัดอันดับประเทศต่างๆ ที่มีวีซ่าชนิดนี้ เพื่อหาว่าประเทศใดมีวีซ่าและเงื่อนไขที่เอื้อแก่การเข้าไปทำงานของดิจิทัลโนแมดมากที่สุด โดยประเมินจากหลายปัจจัย อาทิ เช่น

  • ระยะเวลาของวีซ่าดิจิทัลโนแมด
  • ความเร็วอินเทอร์เน็ต
  • การเก็บภาษีรายได้และระยะยกเว้นภาษี
  • เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ
  • ค่าครองชีพในแต่ละประเทศ
  • ความปลอดภัย และสภาพชีวิตของคนในแต่ละประเทศ

โดยสำหรับอันดับปี 2024 ประเทศที่มีนโยบายวีซ่าและสภาพความเป็นอยู่ที่เอื้อต่อการทำงานของดิจิทัลโนแมดมากที่สุด ก็คือ ‘สเปน’ ที่เฉือนเอาชนะแชมป์เก่าอย่างโปรตุเกสไปได้ เพราะมีเกณฑ์รายได้ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างดี ค่าครองชีพอยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำ และมีโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากของผู้ที่ทำงานทางไกล

จากข้อมูลของ VisaGuide.World สเปนเริ่มเปิดรับสมัครวีซ่าดิจิทัลโนแมดตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2023 ภายใต้ Startup Act เพื่อดึงดูดผู้มีความรู้ความสามารถสูงเข้ามาทำงานในประเทศ และดึงดูดให้บริษัทสตาร์ทอัพต่างๆ ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยผู้ทีมีสิทธิสมัครวีซ่าดิจิทัลโนแมดของสเปนจะต้อง

  • ไม่เป็นประชากรของประเทศในสหภาพยุโรป และ เขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area: EEA) 
  • ได้รับอนุญาตจากนายจ้างให้ทำงานทางไกล หรือมีบริษัทของตัวเองซึ่งมีแหล่งรายได้จากลูกค้าทั่วโลกที่ไม่ใช่สเปน
  • ต้องทำงานทางไกลมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี 
  • ต้องมีรายได้อย่างน้อย 2,140 ยูโรต่อเดือน หรือ 25,680 ยูโรต่อปี
  • มีประกันชีวิตที่ครอบคลุมถึงการอยู่อาศัยในสเปน

ผู้ที่สนใจสมัครสามารถเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น พาสปอร์ต หลักฐานการจ้างงาน และเอกสารแสดงระดับเงินเดือนไปยัง สถานทูตหรือสถานกงสุลสเปนในประเทศของตัวเองได้ และหลังจากได้วีซ่าดังกล่าวแล้ว ผู้ถือวีซ่าจะมีสิทธิอาศัยและทำงานในประเทศสเปนเป็นเวลา 1 ปี แต่สามารถต่ออายุวีซ่าได้ถึง 5 ปี

นอกจากนี้ ผู้ถือวีซ่ายังสามารถพาคู่สมรส บุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือบิดามารดา ไปอยู่อาศัยในสเปนด้วยได้ แต่ในกรณีของพ่อแม่และบุตรที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ผู้สมัครวีซ่าต้องแสดงหลักฐานว่าผู้ติดตามของตนนั้นพึ่งพาตนด้านการเงินอยู่ และสำหรับบุตรต้องยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเทศอีกมากมายที่มีเงื่อนไขวีซ่าและสิทธิประโยชน์ดึงดูดดิจิทัลโนแมด ไม่ว่าเป็นอาร์เจนตินา โรมาเนีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโครเอเชีย ซึ่งล้วนแต่มีจุดเด่น คือ การยกเว้นภาษีรายได้ตลอดการถือวีซ่า 
artboard1_20

ประเทศไทยก็มีวีซ่าดิจิทัลโนแมด แต่เกณฑ์สูงเกิน

สำหรับประเทศไทยเราเอง ก็ได้มีการออกวีซ่าสำหรับดิจิทัลโนแมดออกมาโดยเฉพาะแล้วเช่นกันในเดือนกันยายนปี 2022 ภายใต้วีซ่าสำหรับพำนักอาศัยระยะยาว 10 ปี หรือ 10-year Long-term residency (LTR) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดทั้งแรงงานทักษะสูง การลงทุน และผู้ทำงานทางไกลรายได้สูงจากต่างประเทศ

ที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นจุดหมายยอดนิยมของเหล่าดิจิทัลโนแมดอยู่แล้ว ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ค่าครองชีพที่ต่ำ และโครงสร้างด้านอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูง โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวอย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ แต่จะเข้ามาโดยใช้วีซ่าอื่นๆ เช่น วีซ่าท่องเที่ยว เพราะว่าในอดีตไทยยังไม่มีวีซ่าออกมาตอบโจทย์ผู้ทำงานทางไกลโดยเฉพาะ

ดังนั้น ในปี 2022 หลังไทยเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว ไทยก็ได้ออกวีซ่าระยะยาวสำหรับชาวต่างชาติศักยภาพสูงเข้ามาทำงาน ใช้จ่าย และลงทุนในประเทศไทย โดยเน้นดึงดูดชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม คือ

  1. ประชากรที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizen)
  2. ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner)
  3. ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work from Thailand Professional) ซึ่งดิจิทัลโนแมดรวมอยู่ในกลุ่มนี้
  4. ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (Highly Skilled Professional)

อย่างไรก็ตาม วีซ่าระยะยาวของไทยก็มีข้อจำกัดสำคัญคือเงื่อนไขที่ค่อนข้างสูง เพราะดิจิทัลโนแมดที่อยากเข้ามาทำงานที่ไทยจะต้อง

  • มีรายได้ถึง 80,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 2,797,080 บาทต่อปี และ 233,090 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าทุกประเทศใน 10 อันดับแรกใน Digital Nomad Visa Index
  • มีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 5 ปี ในฟิลด์การทำงานปัจจุบัน ในช่วง 10 ปีที่ป่านมา
  • ถ้ามีรายได้ประมาณ 40,000 - 80,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี จะต้องจบการศึกษาอย่างน้อยในระดับปริญญาโท มีทรัพย์สินทางปัญญาในครอบครอง หรือมีบริษัทหรือธุรกิจที่มีการระดุมทุนใน Series A
  • ทำงานในบริษัทที่จดทะเบียนถูกกฎหมายและบริษัทที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา
  • มีประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองไม่ต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ

จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยตั้งเกณฑ์สำหรับดิจิทัลโนแมดไว้สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งทำให้ดิจิทัลโนแมดส่วนใหญ่ไม่สามารถขอวีซ่านี้ในประเทศไทยได้ เพราะแม้จะมีรายได้สูงถึงเกณฑ์ ก็ค่อนข้างยากที่จะได้ทำงานในบริษัทที่มัรายได้อย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพราะส่วนมากเป็นสตาร์ทอัพที่ยังมีรายได้และกำไรไม่มั่นคง

ดังนั้น หากประเทศไทยอยากดึงดูดให้ดิจิทัลโนแมดเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้นจริง ก็อาจจะต้องมีการปรับเกณฑ์สำหรับบุคคลในกลุ่มนี้ให้ยืดหยุ่นและสอดคล้องกับคุณสมบัติของดิจิทัลโนแมดในความเป็นจริง มิเช่นนั้นดิจิทัลโนแมดส่วนมากก็จะเลือกไปประเทศที่มีเกณฑ์ต่ำกว่า ทำให้เราอาจเสียรายได้จำนวนมหาศาลในภาคการท่องเที่ยวและบริการจากชาวต่างชาติเหล่านี้

 

อ้างอิง: VisaGuide.World, NomadGirl




แชร์

เปิด 10 อันดับประเทศเป็นมิตรกับ Digital Nomad ทำงานทางไกล พร้อมอยู่เที่ยวได้ยาวๆ