อินไซต์เศรษฐกิจ

ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ 7 นักการเมืองที่สื่อยกว่าหน้าตาดีระดับโลก

18 พ.ค. 66
ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ 7 นักการเมืองที่สื่อยกว่าหน้าตาดีระดับโลก

‘ทิม พิธา’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย นอกจากจะมีโปรไฟล์แน่น ประสบการณ์เพียบทั้งฝั่งการเมืองและธุรกิจแล้ว ‘พ่อของส้ม’ ผู้นี้ยังมีหน้าตาและคารมดี การันตีด้วยตำแหน่ง ‘หนุ่ม Cleo’ เมื่อปี 2008 อีกด้วย ในสนามการเมืองซึ่งนักการเมืองต้องสื่อสาร และเรียกความเชื่อถือจากประชาชนและนานาประเทศ ‘ความดูดี’ ก็เป็นหนึ่งอาวุธที่ทำให้การสื่อสารมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น

 

ทิม พิธา ก้าวไกล นายก

 

ในระดับโลกนั้น นักการเมืองที่มีหน้าตา และคารมดีจนสื่อจับตา และทำให้ประชาชนรู้สึก ‘ฟิน’ ทุกครั้งที่ได้เจอก็มีอยู่หลายคนด้วยกัน Spotlight ได้รวบรวมนักการเมืองจากหลากหลายมุมโลกที่สื่อหลายสำนักยกให้ว่า ‘ดูดีระดับท็อป’ มา 7 คนด้วยกัน ดังนี้

 

๋Justin Trudeau



Justin Trudeau
นายกรัฐมนตรี แคนาดา

 

Justin Trudeau ถือเป็นนักการเมืองที่มีผู้คนค้นหาชื่อมากที่สุดติดระดับท็อปของโลก เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของแคนาดา Trudeau เป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมแห่งแคนาดา นายกฯ ผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องรอยยิ้มพิมพ์ใจ และการถึงง่าย จึงเข้าไปนั่งในใจของประชาชนแคนาดา และแฟนคลับทั่วโลกได้อย่างไม่อยากเย็น

 

Barack Obama

 

Barack Obama
อดีตประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา



Barack Obama ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ‘ผิวดำ’ คนแรกในประวัติศาสตร์กว่า 247 ปีของสหรัฐ จึงถูกจับจ้องโดยหลายฝ่าย แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันก็คือ ‘ความมีคารมดีและเสน่ห์’ ของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ ที่เมื่อเวลายิ่งผ่านไป ชายผู้นี้ยิ่งดูทรงเสน่ห์มากขึ้นเหมือนสำนวนที่ว่า ‘Age like fine wine’ ไวน์ยิ่งเก่า รสชาติจะยิ่งดี Obama เป็นประธานาธิบดีคนหนึ่งที่สื่อรักและเชิญไปออกรายการ เราจึงมีโอกาสได้สัมผัสถึงความอบอุ่น และอารมณ์ขันของเขาบนรายการ Talk Show อยู่บ่อยครั้ง

 

Sethrida Geagea


Sethrida Geagea
สมาชิกรัฐสภา เลบานอน

 

Sethrida Geagea เป็นหนึ่งในผู้นำเบอร์ต้นๆ ของประเทศเลบานอน นอกจากความสามารถในเรื่องการเมืองแล้ว ในขวบปีที่ 56 นี้ ความดูดีของเธอยังคงเฉิดฉายไม่ต่าจากสมัยสาวๆ จึงทำให้เธอเป็นที่สนใจของทั้งประชาชนชาวเลบานอน และของชาวอินเตอร์เน็ตทั่วโลก

 

Emmanuel Macron 


Emmanuel Macron
ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส



Emmanuel Macron นับเป็นผู้นำอายุน้อยคนล่าสุดของฝรั่งเศสในรอบสองร้อยกว่าปี หลังจากการขึ้นปกครองของ ‘Napoleon Bonaparte’ เมื่อปี 1804 สำนักข่าว South China Morning Post ถึงกับแซวว่า การเข้ารับตำแหน่งของ Macron ทำให้ประชาชนลำบากใจ เพราะเถียงกันว่าใครจะเป็นผู้นำที่ดูดีที่สุด ระหว่างเขากับ Justin Trudeau

 

Enrique Peña Nieto

 

Enrique Peña Nieto
อดีตประธานาธิบดี
เม็กซิโก

 

Enrique Peña Nieto อาจกล่าวได้ว่า เขาเป็น ‘George Clooney’ พระเอกลุคแด๊ดดี้ ของแวดวงการเมืองเลยก็ว่าได้ ด้วยขวบวัยที่สะท้อนถึงประสบการณ์ทางการเมือง และหน้าตาที่ประกาศความ ‘ละติน’ อย่างเด่นชัด ผู้นำคนนี้จึงเป็นที่น่าเกรงขาม และน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน

 

Orly Levy

 

Orly Levy
สมาชิกรัฐสภา
อิสราเอล



Orly Levy เป็นนักการเมืองหญิงชาวอิสราเอลผู้ที่มีใบหน้าสวยสง่า โดยเธอเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงการพัฒนาสังคมของอิสราเอล ก่อนหน้าที่เธอจะเข้าสู่วงการการเมืองนั้น เธอเคยเป็นนางแบบ และคนดังในวงการโทรทัศน์อีกด้วย

 

Kalikesh Narayan Singh Deo



Kalikesh Narayan Singh Deo
อดีตสมาชิกรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรค Biju Janata Dal ของอินเดีย

 

Kalikesh Narayan Singh Deo เป็นนักการเมืองที่มีใบหน้าหล่อคมระดับพระเอก Bollywood ของอินเดียเลยก็ว่าได้ ชายผู้นี้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติที่เยาว์วัยที่สุดของรัฐโอฑิศา อดีตสมาชิกรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรค Biju Janata Dal ของอินเดีย นอกจากนี้เขายังได้รับการโหวตให้เป็นนักการเมืองที่หน้าตาดีที่สุดในประเทศหลายครั้งด้วยกัน

 
 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

 

คุณทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ออกขโมยหัวใจของบรรดาแฟนคลับไปในทุกที่ที่ปรากฏตัวในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งเวทีดีเบต รถหาเสียง ให้สัมภาษณ์สื่อ ฯลฯ ด้วยลีลาการตอบคำถามอย่างฉะฉาน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รอยยิ้มที่ฝากไว้ให้ทุกคนที่พบเห็น การเป็นคุณพ่อที่น่ารักของ ‘น้องพิพิม’ ลูกสาววัย 6 ขวบ แม้แต่สื่อ News 1 ของเกาหลี ก็พูดถึงพิธาว่า ‘หน้าตาดีระดับไอดอล’ หรือสื่อ abc ของออสเตรเลียก็ใช้วลี ‘ศิษย์เก่าหนุ่มจากฮาร์วาร์ดผู้ทรงเสน่ห์’ เรียกแทนตัวพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ด้วย

 

พิธา ก้าวไกล
 

‘นักการเมืองหน้าตาดี’ ไม่เพียงทำให้กร๊าวใจ แต่ยังอาจสร้างอคติในการตัดสินใจอีกด้วย

 

‘คนหล่อ-สวย ทำอะไรก็ไม่ผิด’ แม้ฟังดูขัดกับศีลธรรมอันดี และค่านิยมยอมรับความหลากหลายในสังคม แต่โดยสัญชาติญาณของมนุษย์แล้ว งานวิจัยจำนวนมากในแวดวงจิตวิทยาก็พิสูจน์แล้วว่า คนที่ดูดี มีแต้มต่อมากกว่าจริงๆ ด้วยผลจากอคติในใจมนุษย์ที่เรียกว่า ‘Halo Effect’

คำว่า ‘Halo’ หมายถึง ปรากฏการณ์ดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ทรงกลด ที่ทำให้ดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่โตเกินจริง หรือหมายถึง วงแหวนที่อยู่บนศีรษะของนางฟ้า เทวดา ในความเชื่อของทางฝั่งตะวันตก Halo Effect จึงสามารถอธิบายได้อย่างเห็นภาพว่า คนที่มีหน้าตาที่ดูดี กระแทกใจ จะทำอะไร คนรอบข้างก็มักจะแถมคะแนนให้ และมองว่า ด้านอื่นๆ ของเขาจะต้องดีตามไปด้วยแน่ๆ

Edward Thorndike นักจิตวิทยาผู้ที่ทำให้คำว่า Halo Effect นี้เป็นที่แพร่หลาย ได้ทำการวิจัยผู้บังคับบัญชาในสายทหารอากาศ โดยให้หัวหน้าเหล่านี้ ประเมิณศักยภาพของผู้ใต้บังคับบัญชาในด้านกายภาพ สติปัญญา ความเป็นผู้นำ และอื่นๆ Thorndike พบว่า ทหารที่ดูดี ดูกำยำล่ำสัน มักได้รับการประเมิณว่ามีสติปัญญาดี และมีความเป็นผู้นำสูงตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ 3 ปัจจัยนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน

 

นักการเมือง หน้าตาดี



นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอื่นที่เผยว่า ‘คนที่ดูดี’ ตามบรรทัดฐานของสังคม มีโอกาสในการถูกรับเข้าทำงานมากกว่า มีโอกาสได้เงินเดือนที่สูงกว่า งานวิจัยหนึ่งจากมหาวิทยาลัย Arizona State เผยว่า ผู้นำที่ดูดีมีโอกาสในชนะการเลือกตั้งมากกว่า ในเขตการเลือกตั้งที่มีความกังวลเรื่องโรคติดต่อ โดยผู้วิจัยให้เหตุผลว่า ความดูดีสะท้อนถึงสุขภาพที่แข็งแรง

ในเชิงวิวัฒนาการนั้น มนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะหาผู้นำ หรือแม้แต่คู่ครองที่ดูดี เพราะเป็นหนึ่งตัวชี้วัดว่า ผู้นำหรือคู่ครองคนนี้มีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนอื่นๆ ไม่ป่วยกระเสาะกระแสะ และจะสามารถปกครอง หรือครองคู่เราได้เป็นระยะเวลานาน
 

หากจะนำเรื่อง Halo Effect มาใช้กับการตัดสินใจของเรานั้น ในการตัดสินใจเลือกผู้นำ หรือเลือกคนเข้าทำงานนั้น เราก็ควรจะระลึกไว้เสมอว่า หน้าตา รูปร่างที่ดูดี อาจไม่ได้หมายถึงความสามารถที่ดีในแง่อื่นๆ เสมอไป เรายังคงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติเช่นเดียวกับผู้สมัครคนอื่นๆ

 

แต่ในทางกลับกัน ในโลกที่ ‘มนุษย์’ ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนให้โลกดำเนินไป และใช้ ‘อารมณ์เหนือเหตุผล’ ในการตัดสินใจ การเพิ่มโอกาสให้กับตัวเองโดยการดูแลบุคลิกภาพ ผิวพรรณ เสื้อผ้าอาภรณ์ให้ดี ก็เป็นการเพิ่มแต้มต่อในการเข้าถึงโอกาส และไม่ใช่เรื่องผิดกติกาอย่างใดไม่ใช่หรือ?

 

ที่มา : India TV News, South China Morning Post, The Newsmen, Association for Psychological Science, Britanica

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT