เจ้าของธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆในวันนี้ต้องเจอกับความยากในการทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ที่เจ้าของแบรนด์แคร์มากที่สุดคือ “ยอดขาย”!ไม่มีแบรนด์ไหนอยากยอดขายตก ดังนั้นการใช้เครื่องมือการตลาดในยุคใหม่จึงมีความสำคัญมากต่อแบรนด์
SPOTLIGHT สรุปวิธีคิดในการทำการตลาดยุคใหม่ที่แบรนด์ควรรู้ก่อนที่จะสายเกินไป จากงาน CTC 2023 ในหัวข้อ Brand as a Creator:เมื่อแบรนด์ต้องรับบทบาท Creator ในการตลาดยุคใหม่ โดยคุณเอ็ม-ขจร เจียรนัยพานิชย์ กรรมการผู้จัดการ The Zero Publishing และผู้จัดงาน iCreator คุณขจร มีประสบการณ์ในการทำคอนเท้นท์ใหกับแบรนด์ และทำคอนเท้นท์ในฐานะ Creator ด้วยทำให้สามารถถ่ายทอดวิธีคิดได้อย่างครบถ้วนและเข้าใจง่าย
3 สัญญาณ ที่น่ากลัวของคนทำแบรนด์
- แพลตฟอร์มเปลี่ยน
จำนวนผู้ใช้Social Media ในประเทศไทย ณกลางปี2023พบว่า Facebook มากที่สุด 58 ล้านคน,Line 50 ล้านคน,Youtube 44 ล้านคน , TikTok 40 ล้านคน, IG 18 ล้านคน, Twitter 14.5ล้านคน ในจำนวนแพลตฟอร์มทั้งหมดนี้พบว่า TikTok มีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างมาก เชื่อว่า ในปี 2566และ2567 TikTok จะยังคงเติบโตต่อต่อเนื่อง โดยเป็นโซเชี่ยลมีเดียที่มีคนใช้งานเกิน1,000 ล้านเร็วที่สุด ซึ่งการมาของ TikTok ยัง Break Through ทักษะการตัดต่อVDO ในตัวทุกคน มันจึงไม่ใช่แค่แพลตฟอร์ม VDO สั้นเท่านั้น สิ่งที่กำลังจะบอกคือ การเปลี่ยงของแพลตฟอร์มโซเชี่ยล มีเดีย ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ในอนาคตทั้งแพลตฟอร์มก็จะมีการเปลี่ยนแปลง และยังมีแพลตฟอร์มใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม Social Media เปิดโลการเป็น Content Creator ในตัวทุกคน
- Facebook - เปิดโลกการเขียน
- Instagram - เปิดโลกการแต่งภาพ
- TikTok - เปิดโลกของการ ตัดต่อ VDO
ดังนั้น มาถึงตรงนี้ถ้าคุณใช้โซเชี่ยล มีเดียทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้ได้ คุณก็สามารถสวมหมวก Creator ได้เช่นกัน
- การรับรู้คนเปลี่ยน
Adobe มีการพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มี Conten Creator เกิดใหม่บนโลกใบนี้มากถึง 165 ล้านคนโดยเฉพาะประเทศในแถบเอชียและคนไทยก็ติดอันดับต้นๆและสิ่งที่ที่แบรนด์รู้แล้วจะหนาวคือ ในปี 2022 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่ผู้บริโภคเสพคอนเท้นท์ของคนทั่วไป User Generated Content มากกว่า Professional Content แล้ว
ให้เห็นภาพมากขึ้นมีการสำรวจพบว่า ผู้หญิงไม่เชื่อการรีวิวสินค้าที่ถ่ายสวยๆจากแบรนด์ในยูทูป แต่ในขณะที่นักศึกษาคนหนึ่งรีวิวการแต่งหน้าผ่าน TikTok กลับได้รับความเชื่อถือมากกว่า แม้คอนเท้นท์นั้นจะไม่ได้มีโปรดักชั่นที่สวยงามเท่า แต่มันก็มีเสน่ห์คือ ความเรียล ไม่ต้องปรุงแต่ง แต่คนกลับชอบและเป็นสิ่งคนทั่วไปทำได้ กลายเป็นคอนเท้นท์ที่น่าเชื่อถือไปในที่สุด
3.ต้องจ่ายค่าแอดแพงขึ้น ยอดลดลงทุกวัน
เจ้าของธุรกิจรู้ดีว่าปัจจุบันการมองเห็นหรือการเข้าถึงผู้บริโภคในโซเชี่ยลมีเดียยากขึ้นยอดลดลงไปเรื่อยๆและต่อให้ใช้เงินมากขึ้นประสิทธิภาพก็ไม่ได้เท่าเดิมสาเหตุพราะความแม่นยำในการยิงแอดลดลงจากการที่แพลตฟอร์มเข้าถึงข้อมูลลูกค้ายากที่ขึ้นเรื่อยๆ หากแบรนด์คิดจะใช้เงินสู้ ก็พบว่าปีหน้าจะต้องจ่ายแพงขึ้นอีก
ทั้ง 3 สัญญาณนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าถึงเวลาที่คนทำแบรนด์ต้องปรับตัว...หากไม่เริ่มปรับจะมีคำถามว่าทำไมต้องจ่ายเพิ่มขึ้นแต่ยอดขายลดลง แล้วเราจะอยู่รอดกันอย่างไร เมื่อโลกยุคนี้เป็นของ Creator ไปแล้ว
Brand as a creator ต้องทำอะไรบ้าง
แบรนด์ทำตัวเองเหมือน Content Creator บนโลกโซเชี่ยลมีเดีย แพลตฟอร์ม - สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่เรื่องการสร้างคอนเท้นท์อย่างเดียวเท่านั้น แต่แบรนด์ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ มีการวางกลยุทธ์ การให้ความสำคัญกับผู้อ่าน เปลี่ยน Mind set ของวิธีคิด
-
วิธีคิดในการเปลี่ยนคิดของ BRAND VS CREATOR
1.รื้อการวางกลยุทธ์ เพราะ BRAND - วางแผนการตลาด แต่ CREATOR - วางแผนช่อง
แบรนด์อาจต้องคิดแบบ Publisher และ Creator ตัวอย่าง การสร้างเพจ AIS E-Sport ที่คอนเท้นท์ในเพจทั้งหมดจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกมส์เท่านั้น ครีเอเตอร์สามารถใส่อารมณ์ต่างๆเข้าไปได้ แตกต่างจากเพจแบรนด์ที่เป็น Official ที่ยังคงยึดติดแนวคิด ที่ต้องดูจริงๆจัง ทางการและไม่โฟกัสเนื้อหาซักเท่าไหร่ ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิธีคิดเช่นกรณีของ AIS E-Sport กลายเป็นผลที่ได้คือ การเข้าถึงของลูกค้า Organic Reach โดยไม่ใช้เงิน นั่นจึงถือว่าเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ วิธีทำ และวิธีคิดใหม่
2.ปรับสู่ความเป็น Creative Content เพราะ BRAND ทำตามโจทย์แต่ CREATOR ทำตามใจ
3.การมองผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง AUDIENCE CENTRIC - BRAND - แคร์ยอดขาย แต่ CREATOR -แคร์ผู้ติดตาม
4.ปรับวิธีคิดของผู้บริหาร BRAND - ใช้งาน Social Media เป็นเครื่องมือ แต่ CREATOR - เรียกว่าเป็นการเล่น Social Media หากกลยุทธ์ดีแต่วิธีคิดไม่เปลี่ยน ก็ยากที่จะเปลี่ยนได้ -
ตัวอย่างความสำเร็จของหลายแบรนด์
Brand ที่หันมาสวมหมวก Creator ก็พบว่า ประสบความสำเร็จทั้งการเข้าถึงของผู้บริโภค เกิดความเชื่อใจและแน่นอนคือ หลายแบรนด์ได้ปลายทางแบบสมหวัง คือยอดขายที่เพิ่มขึ้น
อีกตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ การทำโซเชี่ยลมีเดีย ก้าวไกล ที่สูงกว่าพรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทย ถึง 10 เท่า ทั้งนี้เพราะวิธีคิดคอนเท้นท์ปกติของพรรคการเมือง มักจะเอาคลิปหาเสียงมาโพสลงใน Social Media แต่พรรคก้าวไกลใช้วิธีคืดแบบที่คน TikTok ชอบ ทำให้ในช่วงเลือกตั้ง 3 เดือน พรรคกา้าวไกลทำยอดวิวใน TikTok สูงถึง 5,000 ล้านวิว แม้คนไทยเล่น TikTok 40 ล้านคน นั่นแปลว่าคนได้ดูคลิปของพรรคก้าวไกลเป็นร้อยคลิปในการเลื่อนฟีดใน TikTok คิดดูว่า จะมีผลต่อความคิดผู้คนมากขนาดไหน
สรุปแล้วถ้าคนทำแบรนด์ไม่ปรับวิธีคิด วิธีทำการตลาดในยุคใหม่ คงต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจแน่นอน