ภายหลังการลงนามฟรีวีซ่าจีนให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย กำลังจะมีผลในวันที่ 1 มีนาคม 2567 เชื่อว่าหลายคนที่กำลังสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศเพ่งเล็งไปที่ประเทศจีนมากขึ้น รู้หรือไม่ว่า?แดนมังกร แห่งนี้นอกจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่แล้ว ยังมีเรื่องราว ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายให้คนไทยได้เข้าไปสัมผัสและค้นหา
บทความนี้จึงอยากชวนดูข้อมูลที่น่าสนใจของพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยในการออกไปท่องเที่ยวจีนก่อนที่มาตรการฟรีวีซ่าจีนจะมีผลบังคับใช้ เพื่อรอดูว่า ผลพวงของมาตรการฟรีวีซ่าจะผลักดันให้คนไทยเที่ยวจีนได้เพิ่มขึ้นกว่าอดีตและปัจจุบันมากแค่ไหน
เราข้อใช้ข้อมูลคนไทยเดินทางออกต่างประเทศในปี 2562 จากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเนื่องจากเป็นปีที่ยังไม่มีการระบาดของโควิด 19 คนไทยยังสามารถขอวีซ่าออกไปเที่ยวจีนได้แบบปกติ ซึ่งพบว่าในปี 2562 คนไทยเที่ยวต่างประเทศสูงกว่า 10 ล้านคน และจีน เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 4 ของนทท.ไทย รองจาก 1.มาเลเซีย 2.ลาว 3.ญี่ปุ่น 4.จีน และ 5เกาหลีใต้
1.มาเลเซีย 1,745,785 คน
2.ลาว 1,363,933 คน
3.ญี่ปุ่น 1,148,680 คน
4.จีน 693,818 คน
5.เกาหลีใต้ 558,595 คน
จากข้อมูลคนไทยเที่ยวจีน 693,818 คนในปี 2562 นี้แบ่งเป็นการเที่ยวแบบแพคเกจทัวร์ 209,028 คน เที่ยวด้วยตัวเองหรือไม่ได้ซื้อแพคเกจทัวร์มากกว่าอยู่ที่ 484,790 คน เฉลี่ยระยะเวลา 6.34 วันต่อทริป และมีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อวันอยู่ที่ 4,707.32 บาท ซึ่งลองคำนวณดูแล้วหากไปจีน 6 วัน ราคาต่อทริปโดยประมาณจะอยู่ที่ 28,244 บาท
ซึ่งหากเทียบกับไปเที่ยวญี่ปุ่น ในปี 2562 จะอยู่ที่ 33,000 บาทต่อคนต่อทริป 6 วัน แต่ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ดังนั้นหากตัดภาพกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบันต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นจากเดิมแล้ว ทั้งราคาตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเดินทาง และ ค่าอาหาร อย่างไรก็ตามยังพบว่า ค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อทริปของการท่องเที่ยวจีนก็ยังถูกกว่าญี่ปุ่นมากพอสมควรเลยทีเดียว
แหล่งข่าวจากองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลกับ SPOTLIGHT ว่า หลังโควิดระบาด และจีนปิดประเทศเที่ยวบินต่างๆหยุดบินเป็นจำนวนมาก ทำให้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวไทยไปจีนในช่วงปี 2563 ส่วน 2564 และ 2565 ก็มีน้อยไม่ถึง 1 แสนคน โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวจีนค่อยๆเพิ่มขึ้นหลัง มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา จีนเปิดประเทศและสายการบินต่างๆกลับมาเปิดเที่ยวบินอีกครั้ง
ทางฝัางของรัฐบาลไทยโดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลังจากการลงนามความตกลงยกเว้นการลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับนักท่องเที่ยวไทยและจีน หรือวีซ่าฟรี (Visa Free) ไทย-จีน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 67 ซึ่งความตกลงดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 67 เป็นต้นไปนั้น รัฐบาลเชื่อมั่นว่าประเทศไทยและจีนจะเห็นความสำเร็จ
สะท้อนจากตัวเลขการท่องเที่ยวที่มั่นใจว่าจะมีจำนวนสูงขึ้น กระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่าจากปกติ ผ่าน Ctrip(https://www.ctrip.com) เว็บไซต์บริการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน และ 5 จุดหมายปลายทางในไทยที่ถูกค้นหามากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เกาะสมุย และพัทยา
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศจีนมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยพบว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า บนแพลตฟอร์ม Trip.com (https://Trip.com) เว็บไซต์จองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และการท่องเที่ยวแบบออนไลน์ โดยเมืองที่นักท่องเที่ยวชาวไทยค้นหามากที่สุด ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ฮาร์บิน เซินเจิ้น ปักกิ่ง เทียนจิน ฉงชิ่ง และจางเจียเจี้ย
จากข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย (ข้อมูลล่าสุด 28 ม.ค. 67) ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยเฉลี่ยกว่า 20,000 คนต่อวัน เป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 67 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-28 ม.ค. 67 ประเทศไทยรับนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว 444,702 คน และไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวแล้วกว่า 2,743,147 คน
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกๆที่ จีนประกาศฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวโดยก่อนหน้านี้จีนได้ประกาศฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวหลายประเทศในยุโรป และ เอเชียทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซีย ตามมาด้วยไทย สวิตเซอร์แลนด์และไอร์แลนด์ ซึ่งมาตรการฟรีวีซ่า ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพื่อทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าจีนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนเองที่ไม่ค่อยดีนัก จากปัญหาภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนจึงกลายมาเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่พอหนุนเศรษฐกิจจีนได้บ้าง
ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีน ระบุว่า ตั้งแต่จีนเริ่มทดลองใช้นโยบายฟรีวีซ่าฝ่ายเดียวสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซีย พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 31 ธันวาคม 2566 มีผู้คนเดินทางมายังจีนจาก 6 ประเทศทั้งหมด 214,000 คน เพิ่มขึ้น 28.5% จากเดือนพฤศจิกายน
สำหรับในปี 2566 ที่ผ่านมาภาพรวมการเดินทางเข้าออกผ่านแดนของชาวต่างชาติ 35.5 ล้านคน ตัวเลขนี้มากกว่าปี 2022 เกือบ 7เท่า เพราะในเวลานั้นยังเป็นช่วงที่จีนปิดประเทศเข้มงวดกับมาตรการโควิด 19 ยาวนานถึง 3 ปีแต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขชาวต่างชาติที่เข้าจีนในปี 2566 ยังคิดเป็นเพียง 36% ของชาวต่างชาติในปี 2562 ที่จำนวน 97.7 ล้านคนดังนั้นการฟื้นตัวในปี 2566 ที่ผ่านมาจึงยังห่างไกลกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าจีนก่อนเกิดโควิด 19 ระบาด
ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา ทำให้จีนเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่างๆ แม้แต่ชาวอเมริกัน ที่ถูกมองว่ากำลังมีการโต้ตอบกันด้วยสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทางการจีนเองยังช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเดินทางมาเยือนได้ง่ายขึ้นด้วยการลดความซับซ้อนของขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าโดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม นักเดินทางจากสหรัฐอเมริกาไม่จำเป็นต้องส่งหลักฐานตั๋วเครื่องบินไปกลับ การจองโรงแรม กำหนดการเดินทาง หรือจดหมายเชิญเพื่อยื่นขอวีซ่านักท่องเที่ยวอีกต่อไป ตามการระบุของสถานทูตจีนในสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจาก Statista พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เที่ยวจีนมากสุดในปี 2561 คือ นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้เที่ยวจีนมากว่า 4 ล้านคน ตามมาด้วย ญี่ปุ่น รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ประมาณ 2.5 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวรวมทั้งหมดตั้งแต่นักเดินทางเพื่อธุรกิจไปจนถึงผู้ที่มาเยี่ยมเพื่อนและญาติ โดยในปีนั้น เซินเจิ้นเป็นเมืองที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากที่สุดมีผู้มาเยือนประมาณ 12.1 ล้านคน
ที่มา : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีน , CNN , Statista