กรุงเทพรถติดที่สุดอันดับ 2 ของเอเชีย และ 32 ของโลก

หลังโควิดคลี่คลายชีวิตผู้คนกลับมาเป็นปกติ ออกไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปพบปะเพื่อนฝูง ท่องเที่ยว ทำให้สภาพการจราจรกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง  INRIX บริษัทวิจัยด้านการขนส่งได้มีการจัดทำ Global Traffic Scorecard เป็นประจำทุกปี โดยมีการสำรวจสภาพการจราจรของเมืองใหญ่ 1,000 เมืองใน  50  ประเทศ ใน 7  ทวีป มาดูกันว่า ประเทศไหนรถติดที่สุดในโลก และรถติดสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแค่ไหน

คอนเทนต์แนะนำ

สรุปคดี "แอม ไซยาไนด์" ศาลตัดสินประหารชีวิต วางยาฆาตกรรมเหยื่อ 15 ราย

จับพิรุธ ทนายตั้ม สัญญาทำแอปฯหวย “พี่อ้อย”เอกสารถูกตัดต่อ?

ส่อง 8 สถิติ "พรีเมียร์ลีก" ก่อนเปิดศึก นัดที่ 12

ประเทศในแถบยุโรป สหรัฐฯ มีปัญหาเรื่องของการจราจรจำนวนมาก ขณะที่ในเอเชีย ตุรเคียเป็นประเทศที่มีเมืองติดอันดับการจราจรติดขัดมากที่สุด ส่วนในประเทศไทย 2 เมืองคือ กรุงเทพ และ เขตลาดกระบัง เป็นจุดที่มีปัญหาการจราจรมากที่สุด   

ต้นทุนทางเศรษฐกิจจากปัญหารถติด

ปัญหารถติด เกิดจากความต้องการใช้ถนนมากกว่าปริมาณถนนที่มี ปริมาณรถมากขึ้นก็ทำให้เกิดปัญหาการจราจรคับคั่ง  ผู้ขับขี่ต้องเสียทั้งเวลาและเสียค่าเชื้อเพลิงไปอย่างไม่เกิดประโยชน์ “เวลาที่สูญเสียไป” นั้นมีค่าที่ถูกนำมาวิเคราะห์ใน Global Traffic Scorecard ปี 2022 นอกเหนือจากเวลาที่สูญเสียไปแล้วปัจจัยภายนอกที่เป็นลบ เช่น ความล่าช้าในการขนส่งสินค้า แรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มักรุนแรงขึ้นเพราะรถติดปัจจัยเหล่านี้ล้วนลดคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก

นอกจากนี้ ตลอดปี2565 ที่ผ่านมาราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของนักเดินทางเพิ่มขึ้นมาก ซึ่ง INRIX แสดงปริมาณค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยทั่วไปในแต่ละประเทศรวมถึงในเมืองสำคัญ

สหรัฐฯมีหลายเมืองที่รถติดติดอันดับโลกตามการสำรวจของ INRIX คนอเมริกันเสียเวลาโดนเฉลี่ยไปกับรถติด 51 ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 869 ดอลลาร์ในช่วงเวลาที่รถติด ซึ่งตัวเลขปี 2022 เพิ่มขึ้นถึง 54% จากปี2021  ซึ่งถ้าหากเทียบกับปี 2019 ก่อนเกิดโควิด คนอเมริกัน เสียเวลาเกือบ 100 ชั่วโมงต่อปีกับรถติด คิดเป็นมูลเกือบ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเวลานั้น

ซึ่งดูเหมือนว่าเสียงเรียกร้องของทางออกในการแก้ปัญหารถติดอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่การสร้างถนน สร้างสะพาน สร้างทางด่วน วางผังเมืองอย่างเดียวในบางประเทศ คิดราคากับพื้นที่ที่รถติดก็ยังมี ซึ่งแน่นอนว่า การแก้ปัญหายังเป็นที่ถกเถียง และมีความเห็นที่แตกต่างกันในเกือบทุกประเทศ เพราะบางครั้งทางด่วนก็ไม่ได้ช่วยให้รถหายติด 

ส่วนรูปแบบการทำงาน Work from anywhere หรือการทำงานแบบผสมผสาน Hybride จะตอบโจทย์การจราจรหรือไม่ ในประเทศไทยเราอาจรู้สึกว่า สถานการณ์รถติดดีขึ้นบ้าง  แต่สำหรับในประเทศไทยใหญ่อย่างสหรัฐฯ กลายเป็นไปสร้างปัญหาให้รถติดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเสียด้วย

รถติดจึงกลายเป็นปัญหาสุดคลาสสิค…ที่ยังอยู่คู่กรุงเทพฯและหลายเมืองใหญ่ของโลกต่อไป 

ที่มา INRIX , CNBC