ขณะที่สายตาของคนทั่วโลกกำลังจับจ้อง การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดในเดือนพ.ย. 67 ใครจะเป็นคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตแทน คุณโจ ไบเดน ที่สมน้ำสมเนื้อซัดกับตัวแทนพรรครีพับลิกัน คุณโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในการโต้วาทีแนวความคิดต่อเหตุการณ์ และนโยบายต่าง ๆ ที่จะดำเนินการในอนาคต
ที่ผ่านมา ยกแรกการดีเบต คุณไบเดน ดูจะเพลี่ยงพล้ำถูกชกลงไปให้กรรมการนับแปด ในสายตาคนอเมริกัน จนกระทบถึงเงินบริจาค เพื่อใช้สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสู่พรรคหยุดชะงัก อย่างไรก็ดีการประกาศชื่อรองประธานาธิบดีสหรัฐ
คุณคาเมรา แฮร์ริส เป็นตัวเลือกของพรรคอย่างไม่เป็นทางการ ที่จะเข้าสู่การช่วงชิงคะแนนเสียงสำหรับประธานาธิบดีสมัยหน้าของคนอเมริกัน ทำให้การเลือกตั้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที
เรามาทำความรู้จักกันว่า คุณคาเมรา คือใคร..คุณคาเมรา แฮร์ริส เริ่มงานจากนักกฎหมายที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และได้ขึ้นมาเป็นอัยการประจำแคลิฟอร์เนีย ถัดมาได้เป็นวุฒิสมาชิก และจนเข้าดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัย คุณโจ ไบเดน ซึ่งบทบาทสำคัญ คือ การรณรงค์ความเท่าเทียมเสมอภาค และสิทธิสำคัญพื้นฐานของชีวิตที่คนอเมริกันทุกคนพึงมีได้ แน่นอนคุณคาเมรา คาดว่าจะได้คะแนนเสียงจากรัฐที่มีคนอเมริกันรุ่นใหม่ รวมถึงอเมริกันเชี้อสายผสม ซึ่งนับวันจะมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นในประเทศสหรัฐเฉกเช่นสมัยอดีตประธานาธิบดีโอบามา
โดยพรรคเดโมแครตจะชูนโยบายสนับสนุนสวัสดิการคนระดับกลางของประเทศ รวมไปถึงการลดอัตราภาษีสำหรับคนกลุ่มนี้ การให้สิทธิ์สำหรับกลุ่ม LGBTQ+ การให้สิทธิ์สตรีเพิ่มเรื่องการตัดสินใจทำแท้ง งบประมาณมโหฬารกับธุรกิจพลังงานสะอาด รวมถึงการผลักดันนโยบายระยะยาวด้านพลังงานสะอาด ขณะที่พรรครีพับลิกัน ถือว่าเป็นพรรคอนุรักษ์จะมีฐานเสียงคนอเมริกันผิวขาว อายุมาก ฐานะดี เศรษฐีพันล้าน สนับสนุนกลุ่มธุรกิจผลิตน้ำมัน บริษัทอเมริกันขนาดใหญ่ ลดเงินช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและแข็งกร้าวเรื่องนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศมุสลิม จีน และรัสเซีย เป็นต้น
ตารางเปรียบเทียบเม็ดเงินเข้าตลาดหุ้นเอเชียในช่วงของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย คืออะไร
- อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังมีทิศทางปรับตัวลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปปีหน้า น่าจะเป็นผลดีต่อเม็ดเงินที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นเอเซีย และไทยเพิ่มขึ้น
- นโยบายของพรรคเดโมแครตจะสนับสนุนการลงทุนพลังงานสะอาด มากกว่านโยบายพรรครีพับลิกัน ซึ่งจริงการผลักดันเรื่องโลกร้อน ได้เสียงตอบรับจากทั่วโลกมากกว่า การผลักดันผ่านงบประมาณของสหรัฐฯ ในเรื่องดังกล่าว ย่อมส่งผลต่อภาคการผลิตใน Supply Chain อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั่วโลก ส่วนประเทศไทยน่าจะได้รับแรงกดดันให้เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในพอร์ตเพิ่มจากนี้
- ตลาด Wall Street จะชื่นชอบนโยบายของพรรครีพับลิกัน มากกว่าเพราะจะคุ้มครองสนับสนุนบริษัทอเมริกันมากกว่านโยบายพรรคเดโมแครตที่เน้นการค้าเสรีมากกว่า ดังนั้น หากคุณทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันชนะเม็ดเงินที่เข้าลงทุนเอเซียจะมุ่งเน้นไปประเทศที่สนับสนุนนโยบาย และพันธมิตรแนบแน่นกับสหรัฐฯ แทนจีน ปัจจุบันไทยดูจะสนิทกับจีนมากกว่าสหรัฐฯ
- เม็ดเงินสหรัฐฯ ที่จะลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ของจีน ฮ่องกง และพันธมิตรจีนจะถูกกีดกันเพิ่มขึ้นหากตัวแทนพรรครีพับริกันชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี
- ผลการเลือกตั้งหากคุณคาเมรา จากพรรคเดโมแครตได้ชัยชนะ ในการประเมินของผม ดูจะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นไทยมากกว่าคุณทรัมป์ จากพรรครีพับรีกัน ที่พร้อมจะเอานโยบาย Great America Again กลับมาใช้
ซึ่งในสมัยที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ตลาดหุ้นสหรัฐก็สร้างผลตอบแทนได้ดี เทียบกับตลาดหุ้นกลุ่มลาติน เอเซีย - อย่างไรก็ดี นโยบายจากทั้งสองพรรคการเมือง ไม่ได้พูดถึงการลดหนี้ของคลังประเทศสหรัฐ แต่ยังเน้นเรื่องการลงทุน เพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวดี ย่อมทำให้นักลงทุนยังคงมองเป็นปัจจัยความเสี่ยงของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ ในอนาคต และอาจผลักดันให้เม็ดเงินเข้าไปสู่ทองคำ และ เงินดิจิตอลมากขึ้น
- ทีมวิจัยฯ หลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงประเมินว่า ครึ่งปีหลังปี 67 ตลาดหุ้นไทยน่าจะสดใสกว่า 6 เดือนแรก
การปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 67 ที่ผ่านมาจากต้นปี ราว 5% น่าจะ conservative
มากพอแล้ว สังเกตได้จากการคงประมาณการในกลุ่มธนาคาร ที่ประกาศงบไตรมาส 2 มาก่อนกลุ่มอื่น
และชดเชยด้วยกำไรของกลุ่มธุรกิจส่งออก อิเลคทรอนิคส์ ท่องเที่ยว และอาหาร ที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง