Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ภาคเอกชนพร้อมใจปรับตัวสูงความยั่งยืน แนะทุกคนตระหนักร่วมมือร่วมใจกัน
โดย : มนันพัทธ์ ธนนันท์พร

ภาคเอกชนพร้อมใจปรับตัวสูงความยั่งยืน แนะทุกคนตระหนักร่วมมือร่วมใจกัน

3 ธ.ค. 67
17:29 น.
|
250
แชร์

เมื่อความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญกับทุกคนบนโลกใบนี้ หนีไม่พ้นว่า ผลกระทบจากโลกเดือดส่งผลกระทบให้กับทุกอิริยาบทของเรา ทั้งเรื่องอาหารการกิน การใช้ชีวิต แต่หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เชื่อว่าจะผ่านไปได้อย่างยั่งยืน SPOTLIGHT ตอกย้ำความสำคัญนี้ จึงได้จัดงานเสวนา SPOTLIGHT DAY 2024: Sustainability Disruption - ธุรกิจปรับ ก่อนถูกเปลี่ยน
บทความนี้ มาดูมุมมองของนักธุรกิจ อย่างคุณสมิชฌน์ เพ็ชร์ดี ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และคุณรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และ Race Director Bangsaen Series มองเรื่องนี้อย่างไร และดำเนินการอย่างไรให้สู่ความยั่งยืน รวมถึง คุณเข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้ที่ได้ก้าวข้ามจากบทบาทนักแสดง สู่การเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเต็มตัว

ภาคเอกชนพร้อมใจปรับตัวสูงความยั่งยืน แนะทุกคนตระหนักร่วมมือร่วมใจกัน

Ajinomoto Bio-Cycle ร่วมสร้างสรรค์ “กินดีมีสุข” สู่เกษตรกรรมยั่งยืนเคียงข้างเกษตรกรไทย

 คุณสมิชฌน์ เพ็ชร์ดี ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมความยั่งยืน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานเสวนา SPOTLIGHT DAY 2024 ว่า  หลายท่านอาจคุ้นเคยกับอายิโนะโมะโต๊ะในฐานะผู้ผลิตผงชูรส อูมามิ หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ “ผงนัว” แต่แท้จริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ของเรามีความหลากหลายมากกว่านั้น และมุ่งมั่นสู่วิสัยทัศน์และพันธกิจในการสร้างสรรค์สังคมที่ดี ซึ่งทุกคนมีสุขภาพดีและ “กินดีมีสุข” ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน AminoScience หรือองค์ความรู้เกี่ยวกับกรดอะมิโน  เราจึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกสู่ตลาด  ไม่ว่าจะเป็น ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ เครื่องปรุงรส รสดี กาแฟเบอร์ดี้  รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง อะมิโนไวทัล  เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา และ อะมิโนมอฟ  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้สูงอายุ

เป้าหมายสู่ความยั่งยืน สุขภาพที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

การสร้างสรรค์สังคม “กินดีมีสุข” คือเป้าหมายสำคัญของเรา โดยเราให้ความสำคัญกับเป้าหมายความยั่งยืนใน 2 มิติหลัก  มิติแรก คือ การส่งเสริมสุขภาพที่ดี  และยืดช่วงอายุของการมีสุขภาพที่ดีให้กับผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก เพราะเราเชื่อมั่นว่า การมีอายุยืนยาวควบคู่ไปกับสุขภาพที่แข็งแรงนั้น ย่อมดีกว่าการมีอายุยืนยาวแต่ต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ มิติที่สอง คือ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง 50% ภายในปี 2030  เรา มุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม และสร้างระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืนควบคู่กันไป

ผลลัพธ์แห่งความมุ่งมั่น  สู่สังคมที่ยั่งยืน

ตลอดปี 2566  อายิโนะโมะโต๊ะ  มีความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันเราลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 380,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า  คิดเป็น 91%  เมื่อเทียบกับปีฐาน เรายังปรับเปลี่ยนวัสดุบรรจุภัณฑ์ โดยใช้วัสดุรีไซเคิล  โดยไม่ลดทอนคุณภาพของผลิตภัณฑ์  ปัจจุบันเราบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว 56%  และลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิตได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับปีฐาน  นอกจากนี้  เรายังลดการใช้น้ำในการผลิตลงได้ถึง 91%  และยึดมั่นในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน  เช่น น้ำมันปาล์ม  และกระดาษ  โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ  วัตถุดิบทั้งหมดจะต้องได้รับการรับรองก่อนนำมาใช้ในกระบวนการผลิต   รวมถึงเนื้อหมูที่นำมาใช้  จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) เพื่อให้มั่นใจว่า สัตว์ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ถูกทรมาน  และขยายผลสู่การจัดหาเมล็ดกาแฟคุณภาพ (Green Coffee Bean) ที่นำมาผลิตเป็นกาแฟเบอร์ดี้

Ajinomoto Bio-Cycle: วัฏจักรแห่งการเกื้อกูล  สู่ความยั่งยืนของเกษตรกรไทย

ผมอยากจะเล่าถึงอีกหนึ่งความมุ่งมั่น นั่นคือ Ajinomoto Bio-Cycle หรือ วัฏจักรชีวภาพ  วัฏจักรชีวภาพ คือ ระบบการจัดการทรัพยากรอย่างครบวงจร  ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการทางการเกษตร การผลิต การจัดการ การขนส่ง รวมถึงการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับเกษตรกรไทย

ในกระบวนการผลิตผงชูรส หลังจากที่รับแป้งมันสำปะหลังจากโรงสี  จะนำแป้งดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการหมัก ซึ่งจะได้น้ำหมักที่มีคุณค่า จึงนำน้ำหมักนี้ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม เช่น ปุ๋ย  และส่งต่อให้เกษตรกร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกช่วยเพิ่มผลผลิตปรับปรุงคุณภาพดิน และลดการใช้สารเคมี ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และเมื่อเกษตรกรมีผลผลิตที่ดี ก็จะสามารถส่งมอบวัตถุดิบที่มีคุณภาพกลับมาให้เรา เกิดเป็นวัฏจักรแห่งการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

ร่วมเคียงข้างเกษตรกรไทยก้าวข้ามทุกความท้าทาย

ปัจจุบัน เกษตรกรไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย  ไม่ว่าจะเป็น ภาวะโลกร้อน  โรคใบด่างในมันสำปะหลัง  และผลกระทบต่อการปลูกกาแฟ  ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิต  และรายได้ของเกษตรกร   ในฐานะผู้ใช้แป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  เราตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนเกษตรกร  เพื่อให้พวกเขาสามารถผลิตผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ  รวมถึงการส่งเสริมการปลูกกาแฟคุณภาพ  เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด  และสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกร  แม้ว่าราคาเมล็ดกาแฟในปัจจุบันจะสูงขึ้น  แต่ไม่ได้หมายความว่าเกษตรกรจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น  ด้วยเหตุนี้  เราจึงมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งชาวไร่มันสำปะหลัง และชาวไร่กาแฟ  ให้สามารถก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ไปได้

Thai Farmer Better Life Partner:  ร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย

โครงการ Thai Farmer Better Life Partner  เป็นโครงการที่เราภาคภูมิใจ โดยในปีนี้ ถือเป็นปีที่ 4  ที่เราดำเนินโครงการนี้  เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย  เราลงพื้นที่เพื่อพบปะ และนำองค์ความรู้ต่างๆ ไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรโดยตรง  จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ หรือ Farm School เพื่อให้เกษตรกรได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง  มีการสาธิต  และแปลงทดลอง  ที่เราสร้างขึ้นร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ  เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจ  และเข้าถึงแนวคิด  Regenerative Agriculture  หรือเกษตรกรรมแบบยั่งยืน  ที่เน้นการฟื้นฟู  และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  ซึ่งจะนำไปสู่ผลผลิตที่ดี  และรายได้ที่มั่นคงในอนาคต  เรายังร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร  ในการให้ความรู้  และคำแนะนำแก่เกษตรกร  เพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการ

การเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและมุมมองของเกษตรกร ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือ และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะสามารถผลักดันให้เกิดการเกษตรแบบยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้  เรายังให้ความสำคัญกับการรับซื้อเมล็ดกาแฟ โดยยึดมาตรฐานสากลและร่วมมือกับโรงสีต่างๆ เพื่อรับซื้อทั้งแป้งมันสำปะหลัง และเมล็ดกาแฟคุณภาพ  ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า การมีวัตถุดิบที่ดีเป็นรากฐานสำคัญของการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ และปลอดภัยสู่ผู้บริโภค

ร่วมมือ-ร่วมใจสู่เป้าหมายแห่งความยั่งยืน

การสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน  ไม่ใช่ภารกิจของใครคนใดคนหนึ่ง  แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องร่วมมือกัน   ดังนั้น  เราจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วน  ทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน  และเกษตรกร  มาร่วมกันขับเคลื่อน  และสร้างสรรค์สังคมไทย  ให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืน

ปัจจุบัน  เรามีเกษตรกรใน 5 จังหวัด  ได้แก่ กำแพงเพชร  นครสวรรค์  ตาก  เลย  และเชียงราย  รวมกว่า 1,570 ครัวเรือน  ที่เข้าร่วมโครงการกับเรา  และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  สามารถดูแลครอบครัวได้อย่างมั่นคง

เราเชื่อมั่นว่า  ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน  จะนำพาประเทศไทย  ไปสู่เป้าหมายแห่งความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การสนับสนุนเกษตรกร  ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรหลักของประเทศ  ให้สามารถปรับตัว  และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้

ในยุคปัจจุบัน เรามีการสร้างสรรค์คอนเทนท์ต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงเกษตรกรยุคใหม่  รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่หันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม  เพื่อให้พวกเขาได้รับความรู้  และข้อมูลที่เป็นประโยชน์  และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอาชีพ  และสร้างความยั่งยืนให้กับตนเอง  และชุมชน

สุดท้ายนี้ การเดินทางสู่ความยั่งยืนจะสำเร็จได้ ด้วยความร่วมมือจากเราทุกคน “ไปด้วยกัน  ไปได้ไกล” 

บางแสน 21 วิ่งนำทาง สู่ความยั่งยืนในวงการมาราธอน

โดยคุณรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และ Race Director Bangsaen Series กล่าวว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญให้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “Successful Carbon-Neutral Events : ความสำเร็จของการจัดงานอีเวนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ณ เวทีเสวนา SPOTLIGHT DAY 2024: Sustainability Disruption - ธุรกิจปรับ ก่อนถูกเปลี่ยน

จากประสบการณ์ในการบริหารงาน "บางแสน 21" ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ผมมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติ ที่ส่งเสริมความยั่งยืนในวงการกีฬาวิ่งมาราธอน โดยยึดหลักการจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และสังคม

บางแสน 21 มุ่งสู่มาตรฐานสากล

ปัจจุบัน งานวิ่งมาราธอนที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวน 15 งาน อาทิ บอสตันมาราธอน และ โตเกียวมาราธอน ซึ่ง "บางแสน 21" ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยก่อนยุคโควิด-19 มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 50,000 คน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการรองรับ เราจึงจำเป็นต้องคัดเลือกผู้เข้าร่วมเพียง 12,000 คน ผ่านระบบการจับสลาก

เพื่อสร้างเอกลักษณ์ และยกระดับมาตรฐานการจัดงาน บางแสน 21 ได้แบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ระยะทาง ดังนี้

  • ระยะทาง 42 กิโลเมตร จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
  • ระยะทาง 21 กิโลเมตร จัดขึ้นในเดือนธันวาคม
  • ระยะทาง 10 กิโลเมตร จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม

ปัจจุบันบางแสน 21 ถือเป็นงานวิ่งมาราธอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยระยะทาง 21 กิโลเมตร ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับ Platinum Label ขณะที่ระยะทาง 10 และ 42 กิโลเมตร ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับ Elite Label ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพการจัดงาน ความปลอดภัย มาตรฐานทางการแพทย์ และความยั่งยืน

บูรณาการแนวคิด “Green” สู่การจัดงานวิ่งอย่างยั่งยืน

ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม ผมได้นำแนวคิด "Green" มาประยุกต์ใช้ในการจัดงาน บางแสน 21 ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจจัดประชุมสัมมนา ที่ให้บริการแก่ลูกค้าในแวดวงธุรกิจไอที ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง

จากการสังเกต พบว่า ปัญหาสำคัญของการจัดงานวิ่งมาราธอน คือ การใช้แก้วพลาสติก ซึ่งก่อให้เกิดขยะจำนวนมาก แม้ว่าในขณะนั้น แก้วกระดาษจะมีต้นทุนสูงกว่าแก้วพลาสติกถึง 5 เท่า (แก้วพลาสติกใบละ 50 สตางค์ แก้วกระดาษใบละ 2.50 บาท) แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้ตัดสินใจเลือกใช้แก้วกระดาษ

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเพิ่มมูลค่า และสร้างความประทับใจให้กับนักวิ่ง จึงได้นำความคิดสร้างสรรค์มาใช้ โดยการเพนท์ลวดลายลงบนแก้วกระดาษ ด้วยหมึกพิมพ์ที่ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นักวิ่งจำนวนมากเก็บแก้วไว้เป็นของที่ระลึก จนกลายเป็นประเพณี ที่นักวิ่งจะต้องสะสมแก้วลายพิเศษในแต่ละปี

และในปีนี้ได้นำเสนอ "แก้วน้ำกินได้" ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ โดยแก้วน้ำนี้ สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือนำไปเป็นอาหารปลาได้ นี่คือตัวอย่างของการนำ "การวิ่งมาราธอน" มาเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร และส่งเสริมความยั่งยืน ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและทันสมัย ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับคณะผู้แทนจากประเทศจีนที่ได้เดินทางมาศึกษาดูงาน

Zero Waste ลดปริมาณขยะ สู่เมืองที่น่าอยู่

บางแสน 21 ได้ริเริ่มแนวคิด Zero Waste ในการจัดงาน โดยตั้งเป้าหมายว่า การจัดงานวิ่งที่มีผู้เข้าร่วม 12,000 คน จะต้องไม่เพิ่มปริมาณขยะให้กับเมืองบางแสน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในการลดปริมาณขยะได้ถึง 95% นอกจากนี้ เรายังติดตั้งเครื่องย่อยอาหารสด เพื่อนำเศษอาหารมาแปรรูปเป็นปุ๋ย และร่วมมือกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบูรพา ในการปลูกป่า เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เรายังได้นำป้ายไวนิลบอกทาง ซึ่งมีจำนวนมากถึง 500 ป้าย มาแปรรูปเป็นกระเป๋า จำหน่ายให้กับนักวิ่ง ที่ต้องการเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยรายได้จากการจำหน่าย นำไปสนับสนุนกิจกรรมด้านความยั่งยืนต่อไป

Carbon Neutral มุ่งสู่เป้าหมายการลดโลกร้อน

จากการศึกษาดูงาน ปารีส มาราธอน ซึ่งเป็นมาราธอนแรกของโลกที่ประกาศตัวเป็น Carbon Neutral โดยการชดเชยปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา บางแสน 21 จึงได้นำแนวคิดนี้มาพัฒนา จนกลายเป็นงานวิ่งแรกในเอเชีย ที่ได้รับการรับรอง Carbon Neutral

เส้นทางสู่ความยั่งยืน เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดังนั้น จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน และพัฒนาวงการมาราธอน ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่ออนาคตของโลก และคนรุ่นหลัง

จากนักแสดง สู่การอุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อม

คุณเข็มอัปสร สิริสุขะ  ได้ก้าวข้ามจากบทบาทนักแสดง  สู่การเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเต็มตัว  โดยจุดเริ่มต้นของเส้นทางสีเขียวนี้ เกิดจากความตระหนักถึงปัญหาภัยแล้งเมื่อ 9 ปีก่อน  ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เธอหันมาสนใจและลงมือทำเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง  นับตั้งแต่การเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เนปาล  สู่การริเริ่มโครงการ Little Forest เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในประเทศไทย  ประสบการณ์เหล่านี้ได้หล่อหลอมให้คุณเข็มอัปสร  มีความรู้ความเข้าใจในปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง  และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

เพราะความยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่ต้องลงมือทำ

คุณเข็มอัปสร ได้กล่าวในงานเสวนา SPOTLIGHT DAY 2024 ในหัวข้อ Sustainability Trends to Take Action ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เทรนด์แต่ต้องทําว่า ได้ยึดมั่นในหลักการที่ว่า ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงกระแส  แต่เป็นพันธกิจที่ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง  โดยเชื่อมั่นว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ ผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน อาทิ การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ การลดการใช้ Single-use plastic การเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

“การเริ่มต้นสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมของดิฉัน เกิดจากความตั้งใจจริง ไม่ได้เกิดจากการบังคับ...ดิฉันเชื่อว่า หากเราถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจ  ย่อมไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ”

คุณเข็มอัปสร  เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเริ่มต้นจากตัวเอง  ด้วยแนวคิด “As Green As You Can”  หรือ  “เขียวเท่าที่ไหว”  โดยเริ่มจากจุดเล็กๆ  แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นไป  เพราะทุกการเปลี่ยนแปลง  ล้วนส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม

Little Big Green  ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

Little Big Green  ถือกำเนิดขึ้นจากเจตนารมณ์อันแน่วแน่  ในการช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด-19  และแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าจากการทำการเกษตร  ธุรกิจเพื่อสังคมนี้  มุ่งเน้นการสนับสนุนเกษตรกรที่ดำเนินกิจกรรมการเกษตรแบบฟื้นฟูผืนป่า  โดยเฉพาะการปลูกข้าวแบบนาลุ่มนาดอน  ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

“ปัญหาปากท้องของประชาชน  เป็นรากฐานสำคัญ  หากประชาชนขาดแคลน  ย่อมไม่สามารถดูแลสิ่งแวดล้อมได้”

Little Big Green  ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG  โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (E)  ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม (S)  ผ่านการสร้างรายได้  และส่งเสริมความเท่าเทียมในชุมชน  ด้านธรรมาภิบาล (G)  คุณเข็มอัปสรมุ่งเน้นความโปร่งใส  การลดขยะพลาสติก  และการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  แม้ว่าจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น  แต่ก็เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับปรัชญาขององค์กร

บทเรียนสู่ความสำเร็จบนเส้นทางธุรกิจเพื่อสังคม

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี บนเส้นทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  คุณเข็มอัปสร  ได้สั่งสมองค์ความรู้และประสบการณ์มากมาย  ตั้งแต่การทำงานภาคสนาม  การบริหารจัดการองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร  จนถึงการบริหารธุรกิจเพื่อสังคม

“ในขณะนั้น  ดิฉันมีความพร้อมเพียง 60%  เนื่องจากอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19  ทำให้มีเวลาเตรียมตัวในการจัดตั้งบริษัทเพียง 2 เดือน”

ประสบการณ์เหล่านี้  ได้สอนให้เธอตระหนักถึงความสำคัญขององค์ความรู้  ความรอบคอบ  และการปรับตัว  ตลอดจนความมุ่งมั่น  และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง

คุณเข็มอัปสร  แนะแนวทางสู่ความสำเร็จของธุรกิจเพื่อสังคมว่า  ผู้ประกอบการควรเริ่มต้นจากประเด็นที่ตนเองสนใจ  มีความมุ่งมั่น  และพร้อมที่จะอุทิศตน  เนื่องจากธุรกิจเพื่อสังคม  ต้องอาศัยความเพียรพยายาม  ความอดทน  และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

“ธุรกิจเพื่อสังคม  ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน  ในการแก้ไขปัญหา  หรือสร้างประโยชน์แก่สังคม  โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ  และมีความมุ่งมั่นที่จะลงมือทำ”

Green Premium  ทางเลือกหนึ่ง  มิใช่ทางเลือกเดียว

คุณเข็มอัปสร  เข้าใจถึงข้อจำกัดของผู้บริโภค  ที่อาจลังเลที่จะจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Premium)  อย่างไรก็ตาม  เธอเชื่อมั่นว่า  ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่ผู้บริโภคสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้  เช่น  การใช้สินค้าอย่างคุ้มค่า  การลดการจับจ่าย  การเลือกซื้อสินค้าจากชุมชน  การประหยัดพลังงาน  และการลดปริมาณขยะ

“Green Premium  เป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง  มิใช่ทางเลือกเดียว  ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

วิสัยทัศน์สู่อนาคต

คุณเข็มอัปสร  มุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า  สร้างประโยชน์ต่อสังคม  และเป็นแบบอย่างที่ดี  โดยไม่ได้มุ่งหวังเพียงการเติบโตทางธุรกิจ  แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมโดยรวม

“การดำรงอยู่ของมนุษย์  มิใช่เพียงการบริโภคทรัพยากร  แต่ควรสร้างคุณค่า  และมอบสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคม”

ด้วยวิสัยทัศน์ดังกล่าว คุณเข็มอัปสร  มุ่งหวังที่จะพัฒนา Little Big Green ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อขยายขอบข่ายการช่วยเหลือ ทั้งในส่วนของพนักงาน ชุมชนและลูกค้า รวมถึงการทำให้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง โดยไม่เป็นภาระทางเศรษฐกิจ

คุณเข็มอัปสร สิริสุขะ  คือ บุคคลต้นแบบที่ได้อุทิศตนเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยความมุ่งมั่นและความเสียสละ เธอได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความยั่งยืนมิใช่เพียงคำกล่าวอ้างแต่เป็นการลงมือทำและทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์โลกที่ดีขึ้นได้

แชร์
ภาคเอกชนพร้อมใจปรับตัวสูงความยั่งยืน แนะทุกคนตระหนักร่วมมือร่วมใจกัน