งาน SX 2023 เป็นมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้แนวคิดหลัก "พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก" (Sufficiency for Sustainability) เพื่อปลุกกระแสความยั่งยืนในมิติต่างๆ เพื่อสร้าง “สมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า” Good Balance, Better World และในปีนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้นำนวัตกรรมและแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนต่างๆ มาจัดแสดงในงาน SX 2023 ดังนี้
ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยให้ความสำคัญกับการลดปริมาณการใช้ทรัพยากร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคกลับมาใช้ใหม่ โดยมีบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ รีไซเคิล จำกัด (Thai Beverage Recycle หรือ TBR) รับผิดชอบในการเก็บกลับคืนบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค โดยมุ่งเน้นที่บรรจุภัณฑ์หลัก เช่น แก้ว กระดาษ กระป๋องอะลูมิเนียม และขวดพลาสติก PET ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะ
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ยึดมั่นในหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค โดยแนวทางการบริหารจัดการบรรจุุภัณฑ์ของบริษท ได้แก่
ก้าวสู่ปี 2568 และปีต่อไป
ความมุ่งมั่นและความสำเร็จ
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ลดปริมาณวัสดุที่ใช้ ในการผลิตกระป๋อง อะลูมิเนียม 600 ตัน เปรียบเทียบกับปี 2563 เป็นปีฐาน
เนื่องจากแหล่งน้ำของโลกกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตที่รุนแรงขึ้น ทั้งปัญหาการขาดแคลนน้ำ น้ำท่วม และมลพิษทางน้ำ ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรสำคัญในการผลิต ไทยเบฟเวอเรจ จึงให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ และถือเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ไทยเบฟเวอเรจ มุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยใช้แนวทางการประเมินผลกระทบจากการใช้น้ำและนำโครงการนวัตกรรมมาใช้ทั้งในระดับโรงงานและชุมชน เพื่อลดการใช้น้ำและคืนน้ำสู่ธรรมชาติและชุมชน ไทยเบฟเวอเรจ ยังมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามนโยบายการจัดการน้ำระยะยาวขององค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างข้อกำหนดทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การปกป้องทรัพยากรน้ำที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ใช้น้ำบนหลักสิทธิความเท่าเทียมกัน
ไทยเบฟตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์น้ำเพื่อรักษาคุณภาพน้ำและให้มีปริมาณเพียงพอต่อการผลิต พร้อมทั้งลดผลกระทบต่อชุมชน จึงกำหนดให้การบริหารจัดการน้ำเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของบริษัท ซึ่งช่วยเสริมสร้างให้บริษัทรับมือเรื่องสภาพภูมิอากาศได้ดีขึ้น โดยไทยเบฟมีแนวทางการจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ดังนี้
โรงงานทุกแห่งในประเทศไทยจะทําการประเมิน ความยั่งยืนของน้ำ (WSA) ให้แล้วเสร็จ ภายในปี 2566
การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในปี 2565 ส่งผลให้มีการลดการใช้น้ำ การใช้ซ้ำ และนําน้ำกลับมาใช้ใหม่ เมื่อเทียบกับปริมาณ การใช้น้ำทั้งหมด ดังนี้
กิจกรรม "กินหมดเกลี้ยง"
โครงการ "ไม่กินบอก เอาออกให้"
บริจาคอาหารส่วนเกินร่วมกับมูลนิธิ Scholars of Sustenance Foundation (SOS)
ไทยเบฟยังคงเป็นผู้นำบริษัทเครื่องดื่มชั้นนำในอาเซียน มุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยใช้หลักการพัฒนา ESG โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติทั้ง 17 ข้อ และกรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ