ในโลกที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยความเครียด สุขภาพกายใจที่แข็งแรง ยั่งยืน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา โฮมีโอพาธี ศาสตร์การแพทย์ทางเลือก อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา ด้วยหลักการ "รักษาโรคด้วยสิ่งที่คล้ายคลึง" โฮมีโอพาธี มุ่งเน้นฟื้นฟู และเสริมสร้าง "พลังชีวิต" ให้กลับคืนสู่สมดุล เพื่อให้ร่างกายสามารถเยียวยาตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สัมผัส เรียนรู้ และเข้าถึงศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม กับ "กายใจยั่งยืน ด้วยวิถีแห่งพลังชีวิต" ในงาน SX Sustainability Expo 2024 ที่ซึ่งคุณจะได้พบกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ และร่วมฟังประสบการณ์ตรงจากผู้ได้รับการรักษา ขอเชิญคุณสู่โลกแห่งโฮมีโอพาธี และค้นพบเส้นทางสู่สุขภาพกายใจที่ยั่งยืน ไปพร้อมกับเรา
พบกับศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพกายใจแบบ การแพทย์โฮมีโอพาธีย์ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข ในงาน SX Sustainability Expo 2024 โดยงานสัมมนานี้จะพาคุณไป เรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ศาสตร์การแพทย์พลังงาน เพื่อปลุกพลังชีวิต เพิ่มพูนพลังบำบัด และดูแลสุขภาพแบบองค์รวม นำไปสู่ ความเยาว์วัย และอายุขัยที่ยืนยาว พบกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ อย่าง ทีมแพทย์โฮมีโอพาธีย์แนวดั้งเดิม จากสถาบันนานาชาติ โฮมีโอพาริย์ ประเทศกรีซ (IACH) จะมาแนะนำ โฮมีโอพาธีย์ การแพทย์พลังงานจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นแพทย์ทางเลือกที่ WHO ยอมรับ และใช้กันอย่างแพร่หลายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ร่วมฟังประสบการณ์ตรง จากผู้ได้รับการรักษา และแลกเปลี่ยนความรู้กับ ดร.สีมา มาเฮส, พ.ญ.พัชรินทร์ ตันติวรวิทย์, พ.ญ.วรางคณา ทองค่าไส และ คุณพัชรี ยังเจริญ
โฮมีโอพาธี ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่มีรากฐานมายาวนานกว่า 200 ปี ถือกำเนิดขึ้นจากแนวคิดอันลึกซึ้งของนายแพทย์ซามูเอล ฮาห์เนมานน์ แพทย์ชาวเยอรมันผู้ริเริ่มแนวคิด "รักษาโรคด้วยสิ่งที่คล้ายคลึง" ฮาห์เนมานน์ ผู้เกิดในยุคแห่งการปฏิวัติ ได้ตั้งคำถามต่อแนวทางการแพทย์กระแสหลักในยุคนั้น และหันมาสนใจวิธีการรักษาแบบองค์รวม โดยให้ความสำคัญกับ ความสะอาด อาหาร อากาศบริสุทธิ์ และการออกกำลังกาย
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเขาค้นพบหลักการโฮมีโอพาธี จากการทดลองกินควินิน ซึ่งทำให้เกิดอาการคล้ายไข้มาลาเรีย ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การค้นพบนี้ นำไปสู่การทดลองกับสารอื่นๆ และการพัฒนาโฮมีโอพาธี ให้เป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
หัวใจสำคัญของโฮมีโอพาธี คือการใช้สารที่ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคในคนปกติ มาเจือจางในระดับที่ปลอดภัย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง หลักการนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ Hippocrates บิดาแห่งการแพทย์ ที่เคยกล่าวไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อน ว่า "การรักษามี 2 แบบ คือการใช้สิ่งที่เหมือนกัน และการใช้สิ่งที่ตรงกันข้าม"
การบำบัดแบบโฮมีโอพาธี ให้ความสำคัญกับ "กฎแห่งการบำบัดรักษา" ที่เชื่อมโยง จิตใจ อารมณ์ และร่างกาย เข้าด้วยกัน โดยมี ดร.คอนสแตนติน เฮียริ่ง และ ดร.เจมส์ ไทเลอร์ เคนท์ เป็นผู้พัฒนาองค์ความรู้ และต่อยอดศาสตร์แห่งการเยียวยา ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น แม้ในปัจจุบัน โฮมีโอพาธี จะยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ศาสตร์แห่งการเยียวยาด้วยพลังแห่งความคล้ายคลึงนี้ ได้ช่วยเหลือผู้คนมากมาย ให้กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น และมีชีวิตที่สมดุล
โฮมีโอพาธี มิใช่เพียงศาสตร์การแพทย์ทางเลือก หากแต่เป็นปรัชญาที่มองมนุษย์อย่างองค์รวม โดยเชื่อมโยง ร่างกาย จิตใจ และพลังชีวิต เข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว พลังชีวิต (Vital Force) เปรียบเสมือนแก่นแท้ ที่ควบคุมสมดุล และขับเคลื่อนการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย เมื่อพลังชีวิตสมบูรณ์ ร่างกายและจิตใจย่อมแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทว่า ภาวะใดที่พลังชีวิตอ่อนแอลง ความเจ็บป่วยก็ย่อมปรากฏ
ด้วยเหตุนี้ โฮมีโอพาธีจึงมุ่งเน้นการ กระตุ้นพลังชีวิต ให้กลับคืนสู่ภาวะสมดุล เสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อให้ร่างกายสามารถเยียวยาตนเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ อันสอดคล้องกับหลักการ "Vis Medicatrix Naturae" หรือ "พลังการเยียวยาแห่งธรรมชาติ"
สุขภาพ มิใช่เพียงการปราศจากโรค หากแต่หมายถึงภาวะที่ร่างกาย จิตใจ และพลังชีวิต ทำงานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์ เกิดเป็นความกลมกลืน และความผาสุก โรค คือสัญญาณบ่งชี้ถึงความไม่สมดุลของพลังชีวิต และการทำงานที่บกพร่องของระบบต่างๆ
การรักษา มิใช่เพียงการกำจัดอาการ แต่คือการฟื้นฟู "ตัวบุคคล" ให้กลับสู่ภาวะสมดุล ทั้งในระดับร่างกาย จิตใจ และพลังชีวิต
โฮมีโอพาธี จึงแตกต่างจากการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นการรักษา "ที่ปลายเหตุ" ด้วยการ ระงับอาการ เปรียบเสมือนการดับไฟ ที่เพียงสาดน้ำเพื่อดับเปลวเพลิง โดยมิได้สนใจเชื้อเพลิง ที่เป็นต้นเหตุของการลุกไหม้ ทว่า โฮมีโอพาธี เปรียบเสมือนการดับไฟ ที่ "ตัดเชื้อเพลิง" แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อให้ไฟดับสนิท และป้องกันการลุกไหม้ซ้ำ นำไปสู่การเยียวยาที่แท้จริง และยั่งยืน
ในปี พ.ศ. 2395 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท พระราชโอรสองค์ที่ 49 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงเป็นแพทย์หลวง ผู้มีบทบาทสำคัญในการนำศาสตร์การแพทย์แผนไทย มาผสมผสานกับโฮมีโอพาธี ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระราชินีทรงประชวรหนัก อาเจียนรุนแรงจนแทบสิ้นพระชนม์ แพทย์หลวงทั้งหลายต่างพยายามถวายการรักษา ด้วยวิธีการแพทย์แผนไทยอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจบรรเทาพระอาการได้
ในยามวิกฤตนั้น กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงเลือกใช้โฮมีโอพาธี ในการถวายการรักษา ปรากฏว่าพระอาการอาเจียนทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ จนสมเด็จพระราชินีทรงบรรทมหลับได้ เหตุการณ์ครั้งนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำโฮมีโอพาธี เข้ามาประยุกต์ใช้ในการรักษา ร่วมกับศาสตร์การแพทย์แผนไทย และกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการดูแลสุขภาพของคนไทย สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
โฮมีโอพาธี ให้ความสำคัญกับ "พลังชีวิต" (Vital force) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐาน ที่หล่อเลี้ยง และขับเคลื่อนการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย โดยเชื่อมโยง กาย ใจ และพลังงาน เข้าไว้ด้วยกันอย่างบูรณาการ หลักการสำคัญของโฮมีโอพาธี คือการฟื้นฟู และเสริมสร้างพลังชีวิต ให้กลับคืนสู่ภาวะสมดุล อันเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพ ที่สมบูรณ์แข็งแรง ครอบคลุมทั้ง มิติทางกายภาพ จิตใจ และอารมณ์
3 ระดับพลังงาน ที่โฮมีโอพาธีให้ความสำคัญ ประกอบด้วย
ทั้ง 3 ระดับพลังงานที่ซ้อนทับกัน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ และอิทธิพลซึ่งกันและกัน ระหว่าง จิตใจ อารมณ์ และร่างกาย โดยมีพลังชีวิตเป็นศูนย์กลาง ที่เชื่อมโยงทั้ง 3 ระดับ เข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว โฮมีโอพาธี มีหลักปรัชญา ที่เชื่อว่า มนุษย์ จะบรรลุถึงสุขภาพ ที่สมบูรณ์ เมื่อพลังชีวิต อยู่ในภาวะสมดุล ส่งผลให้ กาย ใจ และอารมณ์ ทำงานสอดประสานกัน อย่างเป็นปกติ
ศาสตร์แห่งโฮมีโอพาธีแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่บนรากฐานอันมั่นคงของ 4 หลักการสำคัญ ซึ่งเป็นเสมือนแนวทางในการบำบัด เพื่อให้บรรลุถึงประสิทธิผลสูงสุด และความปลอดภัยแก่ผู้รับการบำบัด
1. การพิสูจน์ฤทธิ์ของสาร (Drug Proving)
2. กฎแห่งความคล้ายคลึง (Law of Similars)
3. ตำรับยาเดี่ยว (Single Remedy)
4. กฎแห่งขนาดน้อย (Law of Minimum Dose)
ระดับความแรง (Potency) จำแนกตามวิธีการเจือจาง ดังนี้
Decimal potency (D-potency) เช่น D1, D2, ... เจือจางในอัตราส่วน 1:10
Centesimal potency (C-potency) เช่น C1, C2, ... เจือจางในอัตราส่วน 1:100
Korsakoff potency (K-potency) เช่น 10K, 30K, ... เจือจางในภาชนะใบเดียว (One Glass Method)
Centesimal Hahnemanni potency (CH-potency) เช่น 20CH, 30CH, ... เจือจางในภาชนะใหม่ทุกครั้ง (Multiple Glass Method)
LM potency (Q-potency) มีขั้นตอนการเตรียมที่ซับซ้อน นิยมใช้ในกรณีที่ต้องการระดับ "ความแรง" สูงมาก (50,000 เท่าขึ้นไป)
กระบวนการเจือจาง มิใช่เพียงเพื่อลดทอนความเป็นพิษ หากแต่ยังเป็นการ "ปลดปล่อย" พลังงาน ในระดับละเอียด (Subatomic) ซึ่งส่งผลต่อร่างกายในระดับกายภาพ อันเป็นแนวคิด ที่สอดคล้องกับหลักการ "พลังงาน" ในศาสตร์โบราณ
ด้วยหลักการทั้ง 4 ประการ โฮมีโอพาธี จึงเป็นมากกว่าศาสตร์การแพทย์ทางเลือก หากแต่เป็น "ศิลปะแห่งการบำบัด" ที่ผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เข้ากับปรัชญาตะวันออก อย่างลึกซึ้ง
โฮมีโอพาธี ศาสตร์การแพทย์ทางเลือก ที่มีรากฐานมาจากหลักการ Similia Similibus Curantur หรือ รักษาโรคด้วยสิ่งที่คล้ายคลึง แนวคิดนี้อาจฟังดูแปลกใหม่สำหรับใครหลายคน แต่แท้จริงแล้วมีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปได้ถึงยุคกรีกโบราณ โดยแพทย์ผู้เลื่องชื่ออย่างฮิปโปเครตีส ได้เคยกล่าวถึงแนวทางการรักษาที่คล้ายคลึงกันนี้ไว้
แม้ประสิทธิภาพในการบำบัดของโฮมีโอพาธีจะมิได้ครอบคลุมโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิด แต่ก็มีประโยชน์ในการรักษา ทั้งในภาวะอาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ รวมถึงโรคเรื้อรัง เช่น โรคผิวหนัง ไมเกรน ซึ่งได้รับการยืนยันด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบยุโรป และอินเดีย ที่โฮมีโอพาธีได้รับการยอมรับและบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของระบบการแพทย์แผนหลัก
จุดเด่นที่ทำให้โฮมีโอพาธีแตกต่างจากการแพทย์แผนปัจจุบัน คือ การมุ่งเน้นภาพรวมแห่งดุลยภาพของร่างกายและจิตใจ มิใช่เพียงการระงับอาการ ณ เบื้องหน้า โฮมีโอพาธีมิได้มอง "โรค" เป็นเพียงกลุ่มอาการที่ต้องกำจัด ทว่ามองลึกลงไปถึง "ต้นตอ" แห่งปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อ "สมดุล" ของร่างกายและจิตใจ เปรียบเสมือนการแพทย์แผนปัจจุบันมุ่งเน้นที่การ "ดับไฟ" โดยมิได้สนใจ "เชื้อเพลิง" ที่ทำให้เกิดเปลวเพลิง ในขณะที่โฮมีโอพาธีมุ่ง "ตัดเชื้อเพลิง" เพื่อ "ดับไฟ" ที่ต้นเหตุ
โฮมีโอพาธี เปรียบประดุจกระบวนการแห่งการปลุกพลัง การเยียวยาที่แฝงเร้นอยู่ในกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติให้แข็งแกร่ง ดุจดังปราการที่ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ตัวอย่างเช่น การใช้สารสกัดจากหัวหอมที่เจือจางในระดับที่ปลอดภัย เพื่อบรรเทาอาการน้ำมูกไหลจากโรคหวัด โดยอาศัยหลักการ "รักษาโรคด้วยสิ่งที่คล้ายคลึง"
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงและนำโฮมีโอพาธีมาประยุกต์ใช้ จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อันสั่งสม เพื่อให้การบำบัดบรรลุผลตามหลักการอันเป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการแพทย์อย่างแท้จริง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโฮมีโอพาธีจึงต้องใช้เวลาในการซักประวัติ ตรวจร่างกาย วิเคราะห์อาการ รวมถึงลักษณะนิสัยใจคอของผู้ป่วยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนเลือก "ตำรับยา" ที่เหมาะสม ด้วยคุณสมบัติแห่งความปลอดภัย ปราศจากผลข้างเคียง และการดื้อยา โฮมีโอพาธีจึงเป็นเสมือนนวัตกรรมทางการแพทย์แห่งอนาคต ที่มุ่งสู่สุขภาวะอย่างยั่งยืนสำหรับมวลมนุษยชาติและสรรพสิ่งในโลก