การอ่าน คือ ประตูสู่โลกกว้าง เป็นกุญแจไขความรู้ และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว ไทยเบฟเวอเรจ ร่วมมือกับ อมรินทร์กรุ๊ป สานต่อโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" เป็นปีที่ 5 เพื่อส่งเสริมและปลูกฝังให้เยาวชนไทย มีนิสัยรักการอ่าน และมีทักษะการอ่านที่แข็งแกร่ง
โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" มุ่งมั่นที่จะพัฒนาห้องสมุดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบ อัดแน่นด้วยหนังสือคุณภาพมากมาย พร้อมด้วยกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่หลากหลาย เพื่อจุดประกายความรักในการอ่านและสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ให้กับเยาวชนไทย
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ อมรินทร์กรุ๊ป โดย บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด และได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงศึกษาธิการ จัดงานแถลงข่าวประกาศความพร้อมในการดำเนินโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ประจำปี 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ในปีที่ 5 นี้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและปลูกฝังให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการอ่าน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างยั่งยืน โดยมีแนวคิดหลัก คือ “การอ่านเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาของเด็ก” รวมถึง การพัฒนาห้องสมุดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการแสวงหาความรู้ของเยาวชน
พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคุณโสภณ ราชรักษา ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคุณศิริ บุญพิทักษ์เกศ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสถานศึกษาและตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
คุณโสภณ ราชรักษา ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
โดยตระหนักถึงความสำคัญยิ่งในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการอ่าน อันเป็นรากฐานสำคัญยิ่งในการเสริมสร้างความรู้ และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การอ่านมิเพียงแต่ช่วยเปิดโลกทัศน์ เสริมสร้างจินตนาการ แต่ยังช่วยให้เยาวชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทางสติปัญญา การคิดวิเคราะห์ และการปรับตัวให้เท่าทันต่อพลวัตของโลกยุคปัจจุบัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยเบฟ ได้ริเริ่มและดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการอ่านให้กับนักเรียนในโรงเรียนเป้าหมายกว่า 210 แห่งทั่วประเทศ โดยในปีนี้ไทยเบฟยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อพันธกิจดังกล่าว ผ่านการสนับสนุนหนังสืออันทรงคุณค่า พร้อมด้วยชั้นวางหนังสือให้แก่โรงเรียนเป้าหมาย 51 แห่ง รวมถึง การสนับสนุนการจัดตั้งชมรมรักการอ่าน และการประสานความร่วมมือกับครูบรรณารักษ์ในการพัฒนาห้องสมุดให้เป็น “ห้องสมุดในฝัน” ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และปลูกฝังความรักในการอ่าน เพื่อให้นักเรียน อ่านออก เขียนได้ และมีใจรักในการอ่านอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม โครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” จะเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่เยาวชนไทย ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชนให้เติบโตเป็นพลเมืองคุณภาพ มีศักยภาพในการพัฒนาสังคม และร่วมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป โดบภายในงานแถลงข่าวได้มีการจัดแสดงตัวอย่างหนังสือที่จะมอบให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งประกอบด้วยหนังสือประเภทต่างๆ อาทิ พระราชนิพนธ์ สื่อการเรียนการสอน หนังสือนิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป การ์ตูนเสริมความรู้ การ์ตูนประวัติศาสตร์ รวมถึงหนังสือสองภาษา
ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษา ด้านมาตรฐานการศึกษา ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานแถลงข่าวโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ปีที่ 5 โดยได้เน้นย้ำถึงนโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในทุกช่วงวัย ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา การพัฒนาเด็กปฐมวัย การพัฒนาเยาวชนในช่วงวัยเรียนและวัยรุ่น รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้สอดรับกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และการพัฒนาพหุปัญญา
ดร.วิษณุ ได้กล่าวชื่นชมโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ซึ่งดำเนินการโดย อมรินทร์ กรุ๊ป และได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ว่าสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเป็นอย่างยิ่ง โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประสานความร่วมมือกับอมรินทร์ กรุ๊ป อย่างใกล้ชิดในการดำเนินโครงการนี้ ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยอ่านออก เขียนได้...คุณครูก้าวไกล...ชาติไทยพัฒนา” ซึ่งมุ่งหวังที่จะพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้รู้หนังสือ อ่านออก เขียนได้ ผ่านกิจกรรม “อ่านกัน วันละ 15 นาที”
นอกจากนี้ ดร.วิษณุ ยังได้กล่าวถึงโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ว่าเป็นโครงการที่มุ่งพัฒนาคุณครูผู้รับผิดชอบโครงการฯ โดยเปิดโอกาสให้คุณครูได้เก็บรวบรวมผลงานจากกิจกรรมพัฒนาทักษะการอ่านที่ทำร่วมกับนักเรียน เพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนวิทยฐานะได้อีกด้วย
หม่อมหลวงลือศักดิ์ จักรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวถึงความมุ่งมั่นของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ปีที่ 5 ว่า โครงการฯยังคงมุ่งส่งเสริมและปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับเยาวชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ คือ
สำหรับกิจกรรมหลักของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ปีที่ 5 ยังคงเน้นการส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรมอ่านวันละ 15 นาที การจัดตั้งชมรมรักการอ่าน การบันทึกรักการอ่าน และการต่อยอดกิจกรรม “อ่านดัง ฟังเพลิน” ให้นักเรียนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการอ่านและบันทึกเสียง เพื่อส่งต่อหนังสือเสียงให้กับผู้พิการทางสายตา ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้ ล้วนส่งผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ
โครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" ปีที่ 5 ยังคงเดินหน้าสานต่อภารกิจส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ 51 แห่ง จาก 22 จังหวัด มีนักเรียนเข้าร่วมชมรมรักการอ่านกว่า 5,000 คน ซึ่งได้เริ่มดำเนินโครงการไปแล้วในหลายโรงเรียน เช่น โรงเรียนวัดมัชฌันติการาม กรุงเทพฯ, โรงเรียนทุ่งสองห้อง (คุปตัษเฐียรอุทิศ) กรุงเทพฯ, โรงเรียนเสนานิคม กรุงเทพฯ, โรงเรียนวัดหนองใหญ่ กรุงเทพฯ, โรงเรียนวัดคู้บอน (วัฒนานันท์อุทิศ) กรุงเทพฯ, โรงเรียนบ้านบางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านนากระเสริม จ.นครพนม, โรงเรียนบ้านเขวา “รัฐประชาวิทยากร” จ.มหาสารคาม, โรงเรียนเทศบาลวัดดอนไก่ดี (สังวรจันทสรราษฎรวิทยา) จ.สมุทรสาคร เป็นต้น
นับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" แล้วทั้งสิ้น 261 แห่ง จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีการส่งมอบชั้นวางหนังสือพร้อมหนังสือ 10 หมวดความรู้ รวมกว่า 285,000 เล่ม และมีนักเรียนเข้าร่วมชมรมรักการอ่านกว่า 29,000 คน
ผลการดำเนินงานในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าโครงการฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ โดยปีที่ 1 มีนักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้น 64% ปีที่ 2 เพิ่มขึ้นเป็น 72% ปีที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 75% และปีที่ 4 เพิ่มขึ้นเป็น 77% จากจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 23,324 คน
สำหรับโครงการ "ส่งความรู้ สร้างความสุข" ปีที่ 5 นี้ ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ส่งเสริมให้ผู้บริหารและคุณครูตระหนักถึงความสำคัญของการอ่าน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ สนับสนุนให้คุณครูนำองค์ความรู้ไปพัฒนาการเรียนการสอน และพัฒนาตนเองในวิชาชีพ รวมถึงการส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ มีสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ หลากหลาย ทั้งในรูปแบบหนังสือและคลิปวิดีโอ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการ “ส่งความรู้ สร้างความสุข” ภาพกิจกรรมจากโครงการฯ บทความและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการอ่าน ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ : The Happy Read