จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ไปจนถึงมลภาวะต่างๆที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน เช่น น้ำเน่าเสีย หรือ มลภาวะฝุ่น PM2.5 ทำให้หลายๆคนอาจตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา? แล้วมันถึงเวลาที่เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อโลกของเราหรือยัง?
Sustainability หรือ ความยั่งยืน คำที่เราได้ยินเป็นประจำที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร บางคนก็อาจมองความยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องไกลตัว แต่บางคนก็เริ่มหันมาสนใจและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันจากเรื่องใกล้ๆตัว เช่นการแยกขยะอย่างถูกต้องและถูกวิธีที่บ้าน
ในปัจจุบัน’ความยั่งยืน’กลายมาเป็นหนึ่งในแนวคิดที่หลายๆองค์กรนำมาขับเคลื่อนภาคธุรกิจมากขึ้น โดยการใส่ใจทั้งผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับบางองค์กร ก็ได้มีการนำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาเป็นแนวคิดหลักในการจัดตั้งบริษัท
SPOTLIGHT ได้รวบรวม 3 บริษัทสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ จากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการนำความยั่งยืนมาเป็นแนวคิดหลักในการขับเคลื่อนองค์กร จากการเสวนา Exploring Sustainability Initiatives from Japanese Startups ที่งาน SUSTAINABILITY EXPO SX2023
สาหร่าย นับได้ว่าเป็นพืช ที่ใครหลายๆคนมองข้าม เพราะเป็นพืชที่พบตามแหล่งธรรมชาติทั่วไป สามารถเกิดและอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำทะเล หรือแม้กระทั่งอยู่กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้
แต่บริษัท Algal Bio หยิบพืชที่แสนธรรมดาอย่าง สาหร่ายขนาดเล็ก หรือ Microalgae มาเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เพื่อแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ โดยการใช้สาหร่ายเป็นตัวดักของเสีย หรือเรียกได้ว่าเป็นหน่วยคัดกรองสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ เช่น ไขมัน น้ำมัน สารพิษ หรือเชิ้อโรคต่างๆ ให้เหลือน้อยที่สุดก่อนมีการปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ
สาหร่าย นับว่าเป็นพืชที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศในฐานะผู้ผลิต โดยเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารของระบบนิเวศในน้ำ
สาหร่าย สามารถปล่อยก๊าซออกซิเจน ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ซึ่งปริมาณก๊าซออกซิเจนที่มันปล่อยออกมา เรียกได้ว่ามีปริมาณที่สูงกว่าปริมาณที่ต้นไม้และพืชบนดินชนิดอื่นๆปล่อยรวมกันซะอีก ซึ่งโดยรวมแล้วสามารถผลิตออกซิเจนได้ถึง 73 – 87 % ของออกซิเจนที่มีอยู่บนผิวโลกเลยทีเดียว เช่นเดียวกัน สาหร่ายยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซได้อีกด้วย
การปลูกต้นไม้นับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเข้าใจยาก เพราะไม่ว่าเราดูแลดีเกินไป เช่นรดน้ำพรวนดินทุกวัน ต้นไม้ของเราก็อาจมีความชื้นในดินสูงจนเกินไป หรือ หากเราดูแลไม่ดีอย่างเช่น การวางต้นไม้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดเกินไป ก็อาจทำให้ต้นไม้ของเรามีใบเริ่มเปลี่ยนสี หรือแม้กระทั้งการเกิดเชื้อรา
แต่หากเราปลูกต้นไม้เป็นอาชีพ อย่างเกษตรกร การดูแลต้นไม้เพื่อให้ออกใบออกผลที่สวยงาม นับว่าเป็นหัวใจหลักของอาชีพ
บริษัท Polar Star Space ได้มีการนำนวัตกรรมอย่างเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง IOT และดาวเทียม เพื่อมาช่วยเกษตรกรวิเคราะห์โรคที่อาจเกิดขึ้นกับพืชได้ในอนาคต
บริษัท Sagri ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อช่วยเกษตกรชาวญี่ปุ่นให้มีการเพาะปลูกที่ดีขึ้น โดยการนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ดิน
ปุ๋ยไนโตรเจน ถือเป็นแหล่งสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แล้วยิ่งเกษตรกรใช้ปุ๋ยมากเท่าไร นั้นแปลว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะมากขึ้นเท่านั้น
บริษัท Sagri ได้มีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อการเกษตรเพื่อให้เกษตรกรได้ลดการเพาะปลูกโดยการใช้ปุ๋ย แต่ยังสามารถได้ผลผลิตเท่าเดิม
ที่มา : Polar Star Space