บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย สานต่อความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมผนึกกำลังกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) ชวนนักท่องเที่ยวร่วมโครงการ “AWC Stay to Sustain”
โครงการ AWC Stay to Sustain
คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า AWC ได้สืบสานนโยบายการท่องเที่ยวยั่งยืนของ ททท. ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์โรงแรมที่บริหารโรงแรมทั้ง 22 แห่งของ AWC ทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปัญหาภาวะโลกร้อน และร่วมสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืนให้ประเทศไทย
โดยยึดมั่นในการดำเนินตามปรัชญา “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” ควบคู่ไปกับค่านิยมองค์กรในการ “ตอบแทนสังคมสู่ความยั่งยืน” เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาความยั่งยืนผ่าน 3 เสาหลัก
- BETTER PLANET โลกที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นด้วยการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) การจัดการทรัพยากรน้ำ (Water Stewardship) การดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
- BETTER PEOPLE ผู้คนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (Human Capital Development) การยกระดับการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety) และการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและชุมชน (Community and Social Integration)
- BETTER PROSPERITY สังคมที่มั่นคง รุ่งเรืองด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม มุ่งเน้นด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) และมีส่วนสนับสนุนการสร้างมูลค่าในระยะยาวเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในวงกว้าง (Economic Value Creation)
เข้าพัก 1 คืน = ดูแลต้นไม้
AWC เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักโรงแรมในเครือได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชนในประเทศไทย โดยทุกการเข้าพัก 1 คืน ภายในโรงแรมเครือ AWC จะร่วมดูแลต้นไม้ 1 ต้น อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชน เพื่อสนับสนุนโครงการของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และรักษาผืนป่าในระยะยาว พร้อมส่งเสริมรายได้ให้ชุมชนที่จะเป็นผู้ดูแลป่า
AWC ตั้งเป้าดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2,500 ตัน
AWC ตั้งเป้าสนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูต้นไม้ ปีละ 500,000 ต้น รวมกว่า 5,000 ไร่ สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 2,500 ตัน
หากลูกค้าเข้าพัก 1 คืน จะร่วมช่วยดูแลต้นไม้ 1 ต้น หรือช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 5 กิโลกรัม
นอกจากนี้ AWC ยังคงตั้งเป้าหมายระยะยาว มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573
ร่วมปลูกป่ากับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
ด้านหม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้สืบสานพระราชปณิธาน “ปลูกป่า ปลูกคน” มาเป็นเวลาเกือบสี่ทศวรรษในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในป่า
โดยทางมูลนิธิ จะนำรายได้สนับสนุนจากโครงการ “AWC Stay to Sustain” ไปใช้ในการพัฒนาระบบประเมินคาร์บอนเครดิต และจัดตั้งกองทุนเพื่อชุมชนสองประเภท คือ กองทุนดูแลป่า และกองทุนเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน ในขณะเดียวกันปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ
ททท.หนุน BCG Model หวังเป็นโมเดลตัวอย่างแก่ผู้ประกอบการโรงแรม
คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า AWC มีพอร์ตโรงแรมที่หลากหลายทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองหลักทั่วประเทศที่ได้ริเริ่มโครงการเพื่อความยั่งยืนให้เป็นต้นแบบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย
โครงการ AWC Stay to Sustain นอกจากจะสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังได้ร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ประเทศไทยอีกด้วย
โดย ททท. สนับสนุนผู้ประกอบการให้ก้าวสู่การท่องเที่ยวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามแผนพัฒนา BCG Model และยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการกำหนดมาตรวัดผลลัพธ์การดำเนินการที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานระดับสากล สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของ ททท. ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก
เปิดอาณาจักร AWC
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) นับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำแนวหน้าของเมืองไทย ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
- กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality)
- กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial Building)
ปัจจุบัน AWC มีโรงแรมที่ดำเนินการทังหมด 22 แห่ง รวมจำนวนห้องพักกว่า 5,867 ห้อง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 23 แห่ง ภายในสิ้นปี 2566 รวม 6,034 ห้อง คิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวน 3,432 ห้อง
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 ของ AWC มีรายได้รวมกว่า 4,518 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 1,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19
AWC เตรียมเปิด 4 โรงแรมใหม่ ปี 67
- โรงแรมแมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา พัทยา - รีแบรนด์มาจากโรงแรมซิกม่า พัทยา
- โรงแรมในพัทยา -รีแบรนด์มาจากโรงแรมแกรนด์ โซเล่ พัทยา ที่ซื้อไว้เดิม และอยู่ระหว่างการหารือกับ IHG เพื่อสรุปการใช้แบรนด์โรงแรม
- โรงแรมคิมป์ตัน หัวหิน - รีแบรนด์จากโรงแรมอิมพีเรียล หัวหินเดิม
- โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท กรุงเทพฯ - ภายใต้การบริหารของเชนแอคคอร์ (Accor) ซึ่งได้รีแบรนด์จากเดิมชื่อโรงแรม แกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ ที่ AWC เข้าซื้อโรงแรมนี้เมื่อปลายปี 2565 มูลค่า 3,184 ล้านบาท และใช้งบลงทุนพัฒนาโครงการ อีก 2,121 ล้านบาท รวมเงินลงทุน 5,306 ล้านบาท และจะเป็นโรงแรมแบรนด์ “แฟร์มอนท์” (Fairmont) แห่งแรกในไทย เจาะตลาดไมซ์ (MICE : การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ระดับลักชัวรี
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC เผย แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/66 จะเติบโตได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 และเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นมา 4 ปี
คาดว่ารายได้รวมปี 66 จะโตเกินเป้าไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนปี 67 ก็จะโตมากขึ้นไปอีก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจ ทำให้ยอดจองห้องพัก (Booking) ของธุรกิจโรงแรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวและการเพิ่มเที่ยวบินของรัฐบาลใหม่ ทำให้ AWCได้รับผลบวกโดยตรง เพราะพอร์ตลูกค้ากระจายตัวในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯที่มีสัดส่วนมากกว่า 14-15% จีน 11%