การที่ ChatGPT (แชทจีพีที) ทำสถิติมีจำนวนผู้ใช้งานต่อวันแตะ 10 ล้านคนภายภายใน 40 วัน (เร็วกว่าที่ Instagram เคยทำได้เกิน 10 เท่า!) แสดงถึงความนิยมในการใช้ AI Chatbot สารพัดประโยชน์ ซึ่งเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ไม่จำกัดเฉพาะคนในแวดวงเทคเท่านั้น
แต่เมื่อมีคนใช้งานเยอะ สิ่งที่จะตามมาก็คือการรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลในทุกวินาที แถมเจ้า Chat GPT (แชทจีพีที) ตอนนี้ยังเปิดให้ใช้งาน ‘ฟรี’ อีกด้วย จึงเดาได้ไม่ยากว่า OpenAI บริษัทแม่ของ ChatGPT (แชทจีพีที) จะต้องเปิดบริการพิเศษแบบ ‘Subscription - จ่ายรายเดือน เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์พิเศษ’ ดังที่เป็นเทรนด์อยู่ในแทบจะทุกแพลตฟอร์ม ณ ขณะนี้
บริการ ‘ChatGPT Plus’ ราคา 20 ดอลลาร์/เดือน (ราว 650 บาท) นี้ จะทำให้ผู้ใช้ที่จ่ายเงินเพิ่ม สามารถใช้ ChatGPT ได้แม้จะเป็นช่วงที่ ‘ปริมาณผู้ใช้งานหนาแน่น’, เพิ่มความเร็วในการโต้ตอบกับผู้ใช้ ไม่ต้องรอนาน และจะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ เป็นกลุ่มแรกก่อนใคร
แต่บรรดาผู้ใช้ที่ยังไม่อยากเสียเงินก็อุ่นใจได้ เพราะ ChatGPT เวอร์ชันฟรีจะยังใช้ได้อยู่ตามปกติ ซึ่งเวอร์ชัน Plus หรือแบบเสียเงินนี้ จะเปิดให้บริการกับชาวสหรัฐฯ ก่อนเป็นที่แรก จากนั้นจะเชิญผู้ใช้ลงชื่อรอรับบริการ และเตรียมจะเปิดให้ชาวโลกได้สัมผัสประสบการณ์สุดพรีเมียมนี้เป็นลำดับถัดไป
“พวกเราให้บริการ ChatGPT (แชทจีพีที) ในฐานะงานวิจัยทดลอง เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจจุดอ่อนและจุดแข็งของระบบ และรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้งาน เพื่อให้เราสามารถพัฒนาและก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีได้” Open AI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT โพสต์มุมมองเกี่ยวกับ ChatGPT ผ่านทางบล็อก
“ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนนับล้านก็มอบความคิดเห็นกลับมาให้เรา ซึ่งเราก็ได้อัพเดตระบบครั้งสำคัญๆ และได้เห็นผู้ใช้นำไปใช้ประโยชน์ด้านการทำงานอย่างหลากหลาย ทั้งการร่างและช่วยปรับงานเขียน การรวบรวมไอเดีย ช่วยเขียนโปรแกรม และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ”
นอกจากนี้ Open AI ยังเผยว่า ในอนาคตมีแผนจะเพิ่มแพ็คเกจของ ChatGPT (แชทจีพีที) ให้เหมาะกับคนหลากหลายกลุ่มมากขึ้น ทั้งแพ็คเกจราคาย่อมเยาว์, แพ็คเกจสำหรับธุรกิจ รวมไปถึงการเสริมความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ ด้วยการเพิ่ม Datapacks นอกเหนือจาก API ที่มีอยู่แล้ว
แม้จะมีฐานผู้ใช้มากมายจนน่าอิจฉา แต่ราคาที่ OpenAI จะต้องจ่ายก็สูงไม่ใช่เล่น ‘Sam Altman’ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ OpenAI เผยว่า ค่าใช้จ่ายของ ChatGPT (แชทจีพีที) ที่บริษัทต้องจ่ายนั้นสูงถึงขั้น ‘น้ำตาเล็ด’ เลยทีเดียว ในแต่ละแชทของผู้ใช้งาน สร้างค่าใช้จ่ายให้บริษัทในหลัก ‘หลายเซนต์’ ซึ่งหากคูณจำนวนผู้ใช้งานหลัก 10 ล้านคนต่อวัน และแต่ละคนก็ใช้งานหลายแชท ก็คิดเป็นมูลค่ามหาศาล
และเฉกเช่นเดียวกับบริษัทสตาร์ทอัพอื่น การที่นักลงทุนกระหน่ำทุ่มทุนมาให้บริษัทย่อมหมายถึงความคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนเช่นกัน ซึ่ง OpenAI มีนายทุนใหญ่คือ Microsoft ซึ่งได้ทุ่มทุนไปแล้วในหลักหลายพันล้านดอลลาร์ (กว่าสามหมื่นล้านบาท) โดยบริษัท OpenAI คาดหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 2023 นี้ราว 200 ล้านดอลลาร์ (6.6 พันล้านบาท)
ในอนาคตอันใกล้นี้ OpenAI มีแผนที่จะเปิดตัวแอปพลิเคชัน ChatGPT (แชทจีพีที) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานในสมาร์ทโฟนได้นั่นเอง
ที่มา : OpenAI, Techcrunch