ปฏิเสธไม่ได้ว่า การระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายคนไทยไปมาก โดยเฉพาะเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้ ‘การส่งข้อความเชิงธุรกิจ’ หรือ Business Messaging เติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นช่องทางการสื่อสารที่เป็นมาตรฐานใหม่ สำหรับผู้บริโภคในอาเซียนและทั่วโลก จากการนำเทรนด์โดยประเทศไทย
Meta ประเทศไทย เผยว่า 9 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทยติดต่อกับธุรกิจผ่านแอปพลิเคชันแชทต่างๆ ในระหว่างขั้นตอนการซื้อสินค้า โดยครึ่งหนึ่งของนักช้อปชาวไทยใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ในขณะที่ 80% รับชมไลฟ์สตรีมอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ ธุรกิจไทยยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เริ่มเปิดรับโซลูชันด้านการแชทเพื่อธุรกิจเป็นกลุ่มแรกๆ ของโลก ซึ่งจากอินไซต์และการเติบโตของการส่งข้อความธุรกิจที่เพิ่มขึ้น Meta จึงตัดสินใจเปิดตัวโซลูชันการส่งข้อความทางธุรกิจใหม่ที่ออกแบบขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ
การเติบโตของ Meta ในไตรมาสแรก
การมีส่วนร่วมของชุมชน Meta ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี โดยเฉพาะจากเทรนด์การส่งข้อความเชิงธุรกิจและโซลูชัน AI ของ Meta ที่ช่วยเหลือแบรนด์ในการสร้างโฆษณา ผลักดันการแนะนำสินค้าและบริการ และสร้างการมีส่วนร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Meta มีผู้ใช้งานจำนวนประมาณ 3.24 พันล้านคนที่ใช้บริการจากแพลตฟอร์มอย่างน้อยหนึ่งบริการต่อวัน
ซึ่งแพลตฟอร์มของ Meta ยังเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่แบรนด์และธุรกิจเลือกใช้เพื่อขยายฐานลูกค้า จากการสำรวจพบว่าประมาณ 50% ของนักช้อปในประเทศไทยใช้ Facebook ซื้อสินค้า และอีก 40% ใช้ Messenger เนื่องจากมีความสะดวกสบาย และยังเป็นที่นิยมด้วย
นอกจากนี้ Meta ยังมีการนำ AI เข้ามาใช้งานเพื่อส่งเสริมการเติบโตของการส่งข้อความเชิงธุรกิจ นับตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปัจจุบันที่ Meta ได้พัฒนาระบบ AI อย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย:
- AI สำหรับชุมชน: ช่วยในการส่งเสิรมการค้นพบของคอนเทนต์
- AI สำหรับธุรกิจ: ทำให้ระบบการค้ารวมถึงโฆษณาง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจต่างๆ ผ่านระบบการเรียนรู้และอัตโนมัติ
- AI เชิงโครงสร้าง: การพัฒนา Large Language Model Llama 3
ซึ่งหลังจากที่ Meta ได้นำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยธุรกิจพบว่า มากกว่า 50% ของคอนเทนต์ที่ผู้คนเห็นบน Instagram และ 30% ของคอนเทนต์ที่ผู้คนเห็นบน Facebook มาจากการแนะนำของ AI ในปัจจุบัน ทำให้เวลาการใช้งานบนทั้งสองแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 6% และ 7% ตามลำดับ
คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจพบว่า 91% ของธุรกิจในไทยมีความพึงพอใจกับการใช้งาน Messenger เพื่อติดต่อสื่อสารกับลูกค้า และธุรกิจกว่า 76% สามารถหา lead หรือกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ ได้จากการวางโฆษณาบน Facebook ที่คลิกไปสู่การพูดคุยบน Messenger
โดยโซลูชันด้านการแชทเพื่อธุรกิจจาก Meta ทำให้แบรนด์สร้างบทสนทนาที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้จริง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ และสร้างบทสนทนาที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลโดยใช้ AI นอกจากนี้ยังขับเคลื่อนการค้นพบสินค้าและขยายการเข้าถึงด้วยโฆษณาที่สามารถคลิกไปสู่การสนทนาผ่านการส่งข้อความ และสร้างการเชื่อมต่อที่มีส่วนร่วมสูงตลอดทุกขั้นตอน ด้วยชุดโซลูชันแบบครบวงจรของ Meta
ด้วยบทบาทของ Messenger ที่มีต่อการเติบโตของธุรกิจ และการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าในไทย Meta จึงเปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่ที่เป็นโซลูชันด้านการส่งข้อความเชิงธุรกิจ ที่เกิดจากการผนึกกำลังกับพันธมิตรของแบรนด์ในประเทศไทย เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มแบบที่สะดวกพร้อมสำหรับธุรกิจ ด้วยการเพิ่มวิธีการช่วยให้ธุรกิจไทยสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า ด้วยเครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการ ช่วยให้สามารถทำตามเป้าหมายทางธุรกิจได้สำเร็จ
ส่วนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มหลักในการขับเคลื่อนการค้นพบสินค้า ซึ่ง Meta เผยว่า ผู้บริโภคในไทยนิยมใช้ Facebook และ Messenger เพื่อสื่อสารกับธุรกิจมากกว่าช่องทางอื่น โดย 56% ของผู้บริโภคในประเทศไทยติดต่อธุรกิจผ่าน Messenger เป็นประจำทุกสัปดาห์ และ 69% รู้สึกสบายใจกับการสื่อสารกับธุรกิจผ่านแชทบอท AI
ผนึกกำลัง ‘Shopee- V Rich App’ ต่อยอดเทรนด์ทักแชททางธุรกิจ
Meta ได้ร่วมมือกับ ‘Shopee’ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ผ่านฟีเจอร์ ‘ช้อปปิ้งบน Messenger' ที่ให้ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อแคตตาล็อคของร้านบน Shopee เข้ากับ Messenger เพิ่มความสะดวกสบายให้นักช้อป เลือกซื้อสินค้าได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่มีสะดุด โดยฝั่ง Meta มีแพลตฟรอ์มที่แข็งแรงอย่าง Facebook และ Messenger สำหรับกระตุ้นการค้นหา และการมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อ ในขณะที่ Shopee มีระบบแคตตาล็อก ระบบการชำระเงิน และระบบจัดการคำสั่งซื้อ
นอกจากนี้ Meta ยังได้ร่วมทดสอบระบบชุดเครื่องมือ Live Shopping กับ ‘V Rich App’ ผู้ให้บริการโซลูชันอีคอมเมิร์ซชั้นนำของประเทศไทย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นพบสินค้าและปิดการขายผ่านไลฟ์สตรีมได้ดียิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเริ่มให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆ ในไทยกลางเดือนนี้
คุณวิจิตรา อยู่เชียร ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์ V Rich App กล่าวว่า ตั้งแต่หลังการระบาดของโควิด-19 เทรนด์ไลฟ์สตรีมเพื่อขายสินค้าเป็นกลยุทธ์ที่เห็นผลทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด ซึ่งแพลตฟอร์มของ Meta ทำให้คนไทยจับโอกาสได้ทัน ร้านค้าต่างๆ เรียนรู้ในการไลฟ์สดขายสินค้ากันทั่วหน้า ทำให้การไลฟ์สดได้รับประสบความสำเร็จจนเป็นเทรนด์ยอดฮิตถึงปัจจุบัน ผ่านเครื่องมือโฆษณาบนแพลตฟอร์ม ‘Facebook’ ที่ช่วยให้ธุรกิจได้โปรโมทขณะไลฟ์สดได้ด้วย
จากประสบการณ์ของ V Rich App ที่ได้รับฟีดแบคและสังเกตการณ์จากธุรกิจตั้งแต่กลุ่มแม่ค้าไปถึงระดับองค์กร พบว่าหลายครั้งการไลฟ์สด เหล่าธุรกิจมักพบปัญหาของลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้าไม่ทัน หรือมีคำถามเรื่องราคา ส่วนลด การใช้งานหลัก ทำให้ V Rich App นำปัญหาทั้งหมดนี้ ไปต่อยอดแก้ปัญหาร่วมกับ Meta
รวมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจจาก Meta
Meta ได้เปิดฟีเจอร์ใหม่สำหรับการส่งข้อความผ่าน Messenger โดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการสนทนากับลูกค้าดังนี้:
- เครื่องมือ Live Shopping: ธุรกิจที่โฆษณาบน Facebook Live จะได้ใช้ฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์จาก Live Shopping โดยผู้ชมไลฟ์สตรีมจะกดเลือกดูสินค้าที่นำเสนอได้ไปพร้อมๆ กัน และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Messenger ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสำหรับฝั่งธุรกิจ Facebook ขยายบริการ ‘บูสต์วิดีโอไลฟ์สตรีม’ ที่เปิดให้ใช้ไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Live Shopping ผู้โฆษณาจึงมีชุดเครื่องมือเพิ่มเติมจาก Meta ที่ช่วยสร้างโอกาสที่ต่อเนื่องให้ลูกค้าเข้าถึงได้ตลอดเวลา ตั้งแต่การค้นพบแบรนด์ไปสู่การตัดสินใจซื้อ
- ช้อปปิ้งบน Messenger ที่พัฒนาร่วมกับ Shopee: ธุรกิจสามารถเชื่อมแคตตาล็อกสินค้าของตนเองขึ้นไปอยู่บน Facebook ได้แล้ว และผู้ซื้อสามารถดูแคตตาล็อกสินค้าเหล่านี้ภายในกล่องข้อความ และสั่งซื้อได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องออกจากแชท
- AI ในการส่งข้อความทางธุรกิจ: Meta ได้พัฒนา ‘AI Agent’ จาก Llama 3 โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้ธุรกิจตอบคำถามลูกค้าได้อย่างราบรื่น และยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกเยอะ ซึ่งตอนนี้ Meta กำลังทดสอบความสามารถของ AI ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนเป็นลูกค้าของธุรกิจในอนาคต และการกระตุ้นการพิจารณาผลิตภัณฑ์ของลูกค้าให้มากขึ้นผ่านการแชท
ทั้งหมดนี้ Meta มั่นใจว่า แพลตฟอร์มของบริษัทจะช่วยขับเคลื่อนการค้าสำหรับธุรกิจในสนามออนไลน์ ถึงแม้ตอนนี้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและไลฟ์คอมเมิร์ซกำลังแข่งขันกันดุเดือด เพราะด้วยการเป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงการมีฟีเจอร์และเครื่องมือที่หลากหลาย Meta จึงไม่มีความกังวลและจะยังคงเป็นคนนำเทรนด์ต่อเนื่อง