อีริคสัน ประเทศไทย (Ericsson Thailand) เผยวิสัยทัศน์และแผนการขับเคลื่อน ‘Digital Transformation’ ของประเทศไทย หลังจากการเติบโตของ 5G ในประเทศไทยและทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยในปีนี้ คาดว่าจำนวนผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกจะทะลุ 1,700 ล้านราย และเป็นผู้ใช้รายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 600 ล้านราย
ส่วนในปี 2029 ผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกจะแตะ 5,600 ล้านราย โดยจำนวนประชากรที่อยู่นอกประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นสองเท่า จากเดิม 40% ในปี 2023 เป็น 80% ในปี 2029 นอกจากนี้ ปริมาณการใช้ดาต้าบนมือถือทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 20% ต่อปี และโทรศัพท์ที่รันบนเครือข่าย 5G จะเพิ่มเป็น 75%
ส่วนในตลาดประเทศไทย ยอดการใช้ดาต้าต่อสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 78 กิกะไบต์ จากเพียงเดือนละ 33 กิกะไบต์ในปี 2023 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่จะแตะเดือนละ 42 กิกะไบต์ในปี 2029
จากเทรนด์การเติบโตนี้ อีริคสัน ประเทศไทย จึงดำเนินแผนการผ่านกลยุทธ์ ‘glocal’ หรือ global บวกกับ local นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างเครือข่าย 5G ทั่วโลกที่มีประสิทธิภาพ ล้ำสมัย เชื่อถือได้ และยั่งยืน มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเครือข่าย 5G ของประเทศไทย เพื่อเร่งเดินหน้าให้ไทย ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมั่นคง
ประเทศไทย กับการเป็นศูนย์กลางดิจิทัล
อีริคสัน ประเทศไทย เผยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัล ผ่านนโยบาย ‘Thailand 4.0’ โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ราคาจับต้องได้ หลากหลาย และยืดหยุ่น ซึ่ง 4 เสาหลักในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลและขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 มีดังนี้:
- โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล: ราคาที่จับต้องได้ ยืดหยุ่น และมีความเร็วในการเชื่อมต่อ 5G สูง เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมต่อผู้คนเชื่อมกันมากขึ้น
- ระบบนิเวศดิจิทัล: สภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและเอื้ออำนวยในการรองรับและสร้างการเติบโตของบริษัท เพื่อขับเคลื่อนการจ้างงานและนวัตกรรมที่มีความหลากหลายของผู้เล่น เห็นได้จากคลัสเตอร์สำหรับนวัตกรรมและสตาร์ทอัพที่เพิ่มขึ้น
- ทักษะด้านดิจิทัล: การพัฒนาบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี โดยมีพื้นฐานและทักษะดิจิทัลขั้นสูงเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและการจ้างงาน
- ความไว้วางใจและความปลอดภัยทางดิจิทัล: การกำกับดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล พร้อมทั้งปกป้องบุคคล ธุรกิจและสถาบันจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
ซึ่งศักยภาพธุรกิจ 5G ในประเทศไทย เห็นได้จากจำนวนการสมัครใช้บริการมือถือ 5G ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2023 จำนวนผู้สมัครใช้บริการมือถือ 5G อยู่ที่ 21 ราย ส่วนในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นแตะ 45 ล้านราย และในปี 2030 แตะทะลุ 103 ล้านราย หรือ 94% ของการสมัครใช้บริการมือถือทั้งหมด
นอกจากนี้ อีริคสันคาดว่า ในปี 2030 เครือข่าย 5G จะปลดล็อกโอกาสระดับองค์กรมูลค่ารวม 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 125,000 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตมีส่วนแบ่งมากที่สุดที่ 25% ตามมาด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์และการดูแลสุขภาพอย่างละ 13% เท่ากัน ซึ่งทั้งสามอุตสาหกรรมนี้ เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับประเทศไทย
ภาพรวมเทรนด์ในอาเซียนและโอเชียเนีย
จากรายงาน Ericsson Mobility ล่าสุด คาดว่าในปี 2029 จำนวนผู้ใช้งาน 5G ในภูมิภาคอาเซียนและโอเชียเนียจะเพิ่มสูงถึง 560 ล้านราย จากเพียง 61 ล้านรายในช่วงสิ้นปี 2023 ที่ผ่านมา โดยฐานสมาชิกผู้ใช้งาน 5G ยังคงเติบโตในออสเตรเลีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย เนื่องจากสมาชิกเปลี่ยนมาใช้ 5G โดยได้รับแรงหนุนจากอุปกรณ์ 5G ที่ราคาไม่แพง แผนการส่งเสริมการขาย ส่วนลด และชุดข้อมูลขนาดใหญ่จากผู้ให้บริการ
นอกจากนี้ รายงานคาดว่าในปี 2029 ผู้สมัครใช้บริการมือถือ 5G จะเพิ่มสูงถึง 43% ของยอดผู้สมัครใช้บริการมือถือทั้งหมดในภูมิภาค และยอดการใช้ดาต้าต่อสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ในอาเซียนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 42 กิกะไบต์ จากเพียงเดือนละ 17 กิกะไบต์ในปี 2023
ถึงแม้ 5G จะครอบคลุมพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น แต่ย่านความถี่ ‘5G Mid-Band’ ที่มีความลงตัวของการครอบคลุมพื้นที่และความจุ และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ กลับมีการใช้งานเพียง 25% ของไซต์ทั้งหมดทั่วโลกนอกจากจีนแผ่นดินใหญ่
ทั้งนี้ 5G จะกลายเป็นเครือข่ายบนมือถือที่ได้รับความนิยมสูงสุดก่อนสิ้นสุดช่วงคาดการณ์ เห็นได้ชัดจากรายงานที่เผยจำนวนผู้ให้บริการด้านการสื่อสารที่เปิดให้บริการ 5G ทั้งหมดกว่า 300 รายทั่วโลก โดย 50 ราย เปิดให้บริการ ‘5G Standalone’ (หรือ 5G SA)
ซึ่งคาดว่าในปี 2029 จะมีผู้ใช้ 5G ราว 60% ของจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทั้งหมด โดยในช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 มีผู้ใช้ 5G เพิ่มขึ้นทั่วโลกถึง 160 ล้านราย และในขณะเดียวกัน อีริคสันได้เปิดบริการเครือข่าย 5G ไปแล้วถึง 162 เครือข่าย ใน 69 ประเทศทั่วโลก
5G Innovation and Experience Studio ของอีริคสัน
ทั้งนี้ อีริคสัน ประเทศไทย เห็นถึงการเติบโตของ 5G และการใช้งานในประเทศไทย จึงได้จัดตั้ง ‘5G Innovation and Experience Studio’ (5GIX Studio) ในจังหวัดชลบุรี ที่สร้างเสร็จภายใต้โครงการ ‘Thailand Digital Valley’ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับรัฐบาลไทยผ่านทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)
โดย 5GIX Studio ทำหน้าที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรม 5G ร่วมกัน โดยใช้เครือข่ายแซนด์บ็อกซ์ 5G ที่ทันสมัยของอีริคสัน สำหรับห้องปฏิบัติการแห่งนี้จะถูกใช้ในการพัฒนา ทดสอบ ตรวจสอบ และให้การรับรองยูสเคส 5G ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรจากทั่วโลก รวมถึงหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เครื่องจักรการผลิตอัตโนมัติที่เป็นความร่วมมือกับมิตซูบิชิ และกล้อง CCTV 360 องศา แบบสวมใส่ได้
คุณแอนเดอร์ส เรียน ประธาน อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า 5G เป็นแพลตฟอร์มเพื่อนวัตกรรม ที่ช่วยผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถใช้บริการใหม่ๆ ได้ โดยบริษัทมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเครือข่าย 5G ที่ทั้งแข็งแกร่งและมีความยั่งยืน
โดยหวังว่า 5G Innovation and Experience Studio ในโครงการ Thailand Digital Valley จะส่งเสริมให้เกิดยูสเคสใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ให้กับประเทศไทย และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ 5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านการทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการอื่นๆ ในระบบนิเวศ จะทำให้ อีริคสัน สามารถขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย