ธุรกิจการตลาด

นิยามใหม่ชีวิตคนเมือง: บทบาทของ AI และดาต้า ผ่านวิสัยทัศน์ One Bangkok

9 ส.ค. 67
นิยามใหม่ชีวิตคนเมือง: บทบาทของ AI และดาต้า ผ่านวิสัยทัศน์ One Bangkok
ไฮไลท์ Highlight

‘5 พันล้าน’ คือ ตัวเลขที่คาดว่า ประชากรส่วนสำคัญของโลก จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองภายในปี 2050 ทำให้โครงสร้างของเมืองต้องมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับคนได้จำนวนมาก โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่คนมีความต้องการมากขึ้น

‘กรุงเทพมหานคร’ เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่หลายคนจับตามอง ที่คาดว่า จะเป็นแหล่งอนาคตของการใช้ชีวิตในเมือง แต่กลับพบว่า คนในเมืองจำนวนมากยังเข้าไม่ถึง หรือไม่เข้าใจการใช้ AI ในชีวิตประจำวัน

‘One Bangkok’ โครงการมิกซ์ยูสใจกลางย่านถนนวิทยุ ได้แบ่งปันความรู้เกี่ยวกับ Al ว่า กําลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่างไร? ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะได้อย่างไร? ผ่านประสบการณ์และมุมมองของ Anthony Arundell, Senior Vice President of One Bangkok ภายในงาน Techsauce Global Summit 2024

การนำเทคโนโลยีในโครงการมิกซ์ยูส

เทคโนโลยี AI และ Generative AI มีบทบาทสำคัญการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสเป็นอย่างมาก ซึ่งในอุตสาหกรรมรีเทลเอง การใช้ AI ช่วยให้การบริการลูกค้ามีความ personalized และสร้างประสบการณ์การชอปปิงที่พัฒนาขึ้น 

สอดคล้องกับรายงานจาก NVIDIA ที่ระบุว่า ผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงวิธีการให้บริการด้วย AI สามารถเพิ่มรายได้ถึง 69% และช่วยลดต้นทุนมากถึง 72% ในขณะที่กลุ่มลูกค้ารีเทล ผลสำรวจจาก Gensler เผยว่า 76% มีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมกับเทคโนโลยีที่มีการอัปเดตล่าสุด

โดยคุณ Anthony เผยว่า การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และ AI ในวงการรีเทล ต้องมีส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ ‘ดาต้า’ (data) หรือชุดข้อมูลเพื่อไปใช้งานในการดำเนินงาน และสร้างประสบการณ์ของลูกค้า ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม One Bangkok ไม่ได้เริ่มต้นจากการนำเทคโนโลยี เครื่องมือ หรือนวัตกรรมสุดล้ำในการสร้างโครงการมิกซ์ยูสนี้ แต่เริ่มด้วย วิสัยทัศน์ (vision) ตามค่านิยมหลัก 3 ประการ เพื่อมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียม และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับประเทศไทยและคนใช้ชีวิตในเมือง ผ่านการขับเคลื่อนด้วยบริการเพื่อการอยู่อาศัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ดังนี้ 

  1. People-Centricity (คนเป็นศูนย์กลาง) : มุ่งเน้นไปที่การส่งมอบช่วงเวลาที่น่าจดจำให้กับผู้คน
  2. Sustainability (ความยั่งยืน) : มุ่งมั่นที่จะลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ และรับประกันสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับคนรุ่นอนาคต
  3. Smart-City Living (การใช้ชีวิตในเมืองอัจฉริยะ) : ใช้ประโยชน์จาก AI, ​​IoT, และบล็อกเชน เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตและเปลี่ยนแปลงชีวิต

การพัฒนาโครงการไม่ได้เริ่มต้นด้วยเทคโนโลยี แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นไปที่แรงบันดาลใจ ปัจจัยที่เป็นไปได้ และการวิเคราะห์ความต้องการของผู้เช่าและผู้อยู่อาศัย จึงค่อยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาโครงการผ่านเทคโนโลยีมาใช้

การผสมผสานเทคโนโลยีใน One Bangkok

One Bangkok ได้ผสมผสานเทคโนโลยีมากมาย เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิตภายในโครงการ โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถให้ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ผ่านการเก็บข้อมูลดาต้าจำนวนมาก เพื่อสามารถแก้ปัญหา หากเกิดเหตุขัดข้องหรือเกิดความบกพร่องของระบบ ตามวิสัยทัศน์มอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่

- เซ็นเซอร์ข้อมูลมากกว่า 1 ล้านจุด

- จุดควบคุมเซ็นเซอร์ 275,000 bms

- กล้องวงจรปิด 5,000 ตัว

- เซ็นเซอร์ที่จอดรถ 12,000 ตัว

- เสาอัจฉริยะ 80 อัน

- แหล่งจ่ายไฟฟ้า 2 จุด: ไฟฟ้าแรงสูงจากโครงข่ายพระราม 4 และโครงข่ายถนนวิทยุ

โดยคาดว่า การใช้ AI โครงการมิกซ์ยูสจะสามรถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการคาดการณ์ว่า AI จะมอบผลประโยชน์ในการดำเนินงาน และลดต้นทุนการดำเนินงานโดยรวมลง 26% ค่าสาธารณูปโภค 34% และค่าทำความสะอาดสูงสุด 49%

สิ่งสำคัญที่ One Bangkok ยึดถือ คือ การรับฟังความต้องการของลูกค้า เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา ผ่านการใช้เทคโนโลยี อ้างอิงโดยผลสำรวจดังนี้:

- จาก 73% ของผู้ใช้เทคโนโลยี  มี 81% ยอมรับว่าเทคโนโลยีช่วยปรับปรุงประสบการณ์การชอปปิง

- จาก 91% ของผู้ใช้เทคโนโลยี  มี 93% ยอมรับว่าเทคโนโลยีช่วยปรับปรุงการเดินทาง 

- จาก 80% ของผู้ใช้เทคโนโลยี มี 84% ยอมรับว่าเทคโนโลยีช่วยปรับปรุงประสบการณ์ในสำนักงาน

นอกจากนี้ One Bangkok ยังผสมผสานโซลูชั่นที่ยั่งยืน เช่น การทำความเย็นแบบทั้งโครงการ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการแบบเดิม ประหยัดพลังงานได้มากกว่า 32,000 MWh ต่อปี ด้วยระบบการจัดการพลังงานที่ให้ข้อมูลพลังงานแบบเรียลไทม์ รวมทั้ง การเป็น ‘Smart Mixed-use’ ที่ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและน้ำ ช่วยรักษาความปลอดภัย การจอดรถ และการให้บริการอื่นๆ

ความท้าทายของการนำ AI มาใช้

แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น แต่ก็มีความท้าทายใน AI หลังรายงาน NVIDIA พบว่า 39% ยังมีความกังวลของความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ตามมาด้วย 34% ที่กังวลความปลอดภัยของข้อมูลเมื่อใช้งาน AI

ตรงนี้ คุณ Anthony มองว่า เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล จะได้รับการพัฒนาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในมุมของเขา คือ 20% กังวลว่า การใช้ AI จะนำไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าในแง่ลบ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวว่า เพราะจะกระทบถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์

ทั้งนี้ หากมีจุดประสงค์ และวิสัยทัศน์ที่วางไว้อย่างชัดเจน การนำ AI มาใช้ จะช่วยให้โครงการมิกซ์ยูส มีประสิทธิภาพและปลอดภัยอย่างแน่นอน และสามารถแข่งขันในวงการอุตสาหกรรมที่ต่างชูจุดเด่นของตัวเองกันอย่างดุเดือด

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT