ธุรกิจการตลาด

SEMI คาด ปี 2568-2570 จีน-เกาหลีใต้-ไต้หวัน ลงทุนในอุปกรณ์ผลิตชิปมากที่สุด

28 ก.ย. 67
SEMI คาด ปี 2568-2570 จีน-เกาหลีใต้-ไต้หวัน ลงทุนในอุปกรณ์ผลิตชิปมากที่สุด

สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นานาชาติ หรือ ‘SEMI’ ประเมินว่า ในช่วงปี 2568-2570 ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก จะใช้จ่ายเงินรวมสูงถึง 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 12,956,400 ล้านบาท สำหรับอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ โดยพบว่า ‘จีน’ ‘เกาหลีใต้’ และ ‘ไต้หวัน’ มีการใช้จ่ายสูงที่สุด

SEMI คาด ปี 2568-2570 จีน-เกาหลีใต้-ไต้หวัน ลงทุนในอุปกรณ์ผลิตชิปมากที่สุด

Ajit Manocha ประธานและซีอีโอของ SEMI กล่าวว่า “การใช้จ่ายอุปกรณ์ทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2568 เป็นการสร้างพื้นฐานสำหรับการลงทุนด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในช่วง 3 ปี โดยความต้องการชิปทั่วโลก กำลังกระตุ้นการใช้จ่ายอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ตอบโจทย์การใช้งาน AI และเทคโนโลยีที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่ขับเคลื่อนโดยยานยนต์และการใช้งาน IoT”

ปัจจัยที่กระตุ้นการใช้จ่ายที่สำคัญ ได้แก่ ความต้องการกำลังการผลิตส่วนเกินในภูมิภาคต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งความต้องการชิป AI และชิปหน่วยความจำที่เกี่ยวข้อง

ในรายงานคาดว่า ในปี 2568 การใช้จ่ายทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 24% เป็น 123,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐสหรัฐฯ หรือเกือบ 3,991,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2569 คาดว่าการใช้จ่ายจะเติบโต 11% เป็น 136,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,411,700 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 3% เป็น 140,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,560,700 ล้านบาท ในปี 2570

โดย SEMI คาดว่า ประเทศจีนจะรักษาตำแหน่งภูมิภาคที่ใช้จ่ายสูงสุด .โดยลงทุนมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,239,000 ล้านบาท ในอีกสามปีข้างหน้า ขับเคลื่อนด้วยนโยบายพึ่งพาตนเองของประเทศ และการใช้จ่ายของจีนกำลังลดลงจากระดับสูงสุดในปีนี้

ในขณะที่เกาหลีใต้ ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำ ‘Samsung’ และ ‘SK Hynix’ พบว่า มีการใช้จ่าย 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 2,623,700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไต้หวัน ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง ‘TSMC’ ที่กำลังสร้างโรงงานในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป คาดว่ามูลค่าการใช้จ่ายอยู่ที่ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2,429,300 ล้านบาท 

ส่วนค่าใช้จ่ายโดยประมาณในภูมิภาคอเมริกาอยู่ที่ 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2,040,600 ล้านบาท โดยญี่ปุ่นอยู่ที่ 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1,036,500 ล้านบาท และในยุโรป 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 874,500 ล้านบาท

ที่มา Reuters, SEMI

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT