ในยุคที่การ subscribe กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก ธุรกิจหลายรายจึงหันมาจับโมเดล ‘Subscription’ กันมากขึ้น หนึ่งในนั้น คือ ‘LG’ ที่เปิดบริการให้เช่าเครื่องใช้ไฟฟ้ารายเดือน โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2552 ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีลูกค้ากว่า 3 ล้านคน และสร้างยอดขายได้ถึง 866 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 28,800 ล้านบาท) ต่อปี
LG เปิดตัว 'LG Subscribe' บริการเช่าเครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่มต้น 399 บาท
การเติบโตของกลุ่มธุรกิจนี้ ทำให้ LG Eletronics ประเทศไทย เปิดตัว ’LG Subscribe’ ธุรกิจปล่อยเช่าเครื่องใช้ไฟฟ้ารายเดือน ผ่านโมเดลธุรกิจแบบ ‘Subscription’ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้า และบริการของ LG ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ผ่านการแบ่งจ่ายค่าบริการ เริ่มต้นเพียง 399 บาทต่อเดือน
สำหรับบริการ LG Subscribe ต้องการที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย และความคุ้มค่ามากที่สุด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงมีบริการการดูแลรักษาสินค้าโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ และการรับประกันสินค้าตลอดอายุสัญญา ช่วยให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า LG ในราคาที่คุ้มค่า
LG Subscribe มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก อย่างเครื่องกรองน้ำ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ และโทรทัศน์ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้ถนอมผ้า ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ รวมทั้งหมด 9 ผลิตภัณฑ์ 36 รุ่น
โดยบริการนี้ ยังมาพร้อมการดูแลผลิตภัณฑ์โดยช่างผู้เชี่ยวชาญของ LG ตลอดอายุสัญญา ซึ่งครอบคลุมระยะเวลา 5-7 ปี มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า พร้อมการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ด้วยระบบแบ่งจ่ายรายเดือนที่ยืดหยุ่น
ซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร LG Electronics ประเทศไทย กล่าวว่า “เทรนด์ธุรกิจ Subscription กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก และ LG มองเห็นโอกาสที่ดีในการเติบโตของธุรกิจนี้ เช่น บริการ LG Subscribe ในมาเลเซีย ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2562 และในปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 100,000 คน สร้างยอดขายได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 665 ล้านบาท) ต่อปี”
สำหรับประเทศไทย ถึงแม้ธุรกิจ LG Subscribe จะยังค่อนข้างใหม่ แต่ LG มองเห็นศักยภาพการเติบโตอย่างมหาศาล โดยมุ่งมั่นที่จะผลักดันธุรกิจนี้ ให้กลายเป็นผู้นำด้านยอดขายภายในสามปีข้างหน้า และคาดการณ์ว่าภายในระยะเวลาดังกล่าว ธุรกิจ LG Subscribe ในประเทศไทย จะสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,320 ล้านบาท