ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ให้ไฟเขียวยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯโจมตีรัสเซีย หลังตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เวเลนสกีพยายามผลักดันให้ยกเลิกข้อจำกัดห้ามใช้ขีปนาวุธ ATACMS และเปิดทางให้ยูเครนโจมตีนอกพรมแดนของตนเอง
ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีเปิดเผยวานนี้ (17 พฤศจิกายน) หลังทราบรายงานดังกล่าวว่า วันนี้สื่อหลายสำนักบอกว่ายูเครนได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม แต่การโจมตีไม่ได้เกิดขึ้นจากคำพูด และเรื่องอะไรพวกนั้นยังไม่ได้รับการประกาศ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เคยเตือนชาติตะวันตกถึงการอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลในการทำสงคราม เพราะมองว่า หากทำเช่นนั้นจะถือว่า พันธมิตรทางทหารของนาโตเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงในสงครามยูเครน
รายงานระบุว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีไบเดนมีขึ้น เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียมีทหารเกาหลีเหนือร่วมรบ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ จะจำกัดการใช้งานระบบยิงขีปนาวุธยุทธวิธีกองทัพบก หรือ ATACMS ของยูเครน เอาไว้เพียงแค่ในภูมิภาคเคิร์สค์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัสเซียเท่านั้น โดยรัฐบาลยูเครนเพิ่งเริ่มเปิดฉากการโจมตีภูมิภาคดังกล่าวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านั้น ยูเครนทำสงครามเพียงในดินแดนของตนเองเท่านั้น
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายยังมีขึ้น เพราะไบเดนกำลังจะหมดวาระ โดยในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีจะกลับมาทำเนียบขาว ทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลเกี่ยวกับอนาคตการสนับสนุนยูเครนของสหรัฐฯ ดังนั้นไบเดนจึงตั้งใจจะช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมในช่วงเวลาสั้นๆนี้ที่เขายังอยู่ในอำนาจ
ประธานศูนย์ความมั่นคงและความร่วมมือของยูเครน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงเคียฟ เปิดเผยกับสำนักข่าวบีบีซีว่า การตัดสินใจดังกล่าวของประธานาธิบดีไบเดนสำคัญมากๆต่อยูเครน ถึงแม้จะไม่ใช่อะไรที่สามารถเปลี่ยนสงครามได้ แต่ก็คิดว่า น่าจะทำให้ศักยภาพของกองกำลังยูเครนเท่าเทียมของรัสเซียมากขึ้น
ระบบยิงขีปนาวุธยุทธวิธีกองทัพบก หรือ ATACMS มีพิสัยยิงได้สูงสุดถึง 300 กิโลเมตร มีความเร็วสูง ยากต่อการสกัด แม้อาจจะไม่ได้เป็นตัวเปลี่ยนเกม แต่ก็อาจจะช่วยทำให้ยูเครนซื้อเวลาได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญก็คือ สหรัฐฯจะส่งมอบระบบดังกล่าวกี่เครื่อง และลูกกระสุนเท่าใด
ATACMS ผลิตโดยบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน บริษัทผลิตอาวุธสัญชาติสหรัฐฯ เริ่มนำมาใช้งานตั้งแต่ปี 1991 น้ำหนัก 1,670 กิโลกรัม ความยาว 4 เมตร มีหลายรุ่นและหลายราคา โดยถ้าหากเป็นตัว M57 จะมีราคาแพงสุดราว 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 59 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังมีระบบยิงขีปนาวุธ HIMARS พิสัยการยิง 80 กิโลเมตร พัฒนาโดยกองทัพสหรัฐฯในช่วงปลายปีคริสตทศวรรษที่ 1990 และผลิตโดยบริษัทล็อคฮีด มาร์ตินเช่นกัน เริ่มนำออกมาใช้งานในปี 2005 ราคาของเครื่องยิงอยู่ที่ประมาณ 4.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 170 ล้านบาท และขีปนาวุธที่ใช้ยิงราคาตกที่นัดละ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.8 ล้านบาท
ในบรรดาชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรกับยูเครน ยังมีสหราชอาณาจักรที่มีอาวุธน่าสนใจ คือตัว M777 พิสัยการยิง 40 กิโลเมตร ผลิตโดยบริษัท BAE Systems ของอังกฤษ ใช้เวลาออกแบบยาวนานระหว่างปี 1987-2003 และเริ่มนำออกมาใช้งานในปี 2005 ราคาต่อเครื่องเมื่อปี 2017 อยู่ที่ 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 128 ล้านบาท
เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-30 Smerch ออกแบบมาตั้งแต่ยุคโซเวียต ใช้งานมาตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปัจจุบัน จรวดตัว 300 มม. จะยิงได้ไกล 70-90 กิโลเมตร
ต่อมาคือปืนใหญ่ 2A36 Giatsint-B อาวุธยุคสหภาพโซเวียตเช่นกัน ออกแบบระหว่างปี 1968-1975 ผลิตระหว่างปี 1975-1989 สามารถยิงได้ 6 รอบต่อ 1 นาที
และปืนใหญ่ D-30 ซึ่งออกแบบและผลิตตั้งแต่ยุคโซเวียตเช่นกัน ระยะการยิง 22 กิโลเมตร
BBC , Reuters