ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เดินทางเยือนภูมิภาคเคิร์สค์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกติดกับยูเครนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กองทัพยูเครนได้เริ่มบุกยึดพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคดังกล่าว โดยปูตินได้ปรากฏตัวบนโทรทัศน์ของทางการรัสเซียเมื่อวานนี้ (12 มีนาคม 2025) สวมเครื่องแบบทหาร และไปเยือนศูนย์ควบคุมทางทหาร
วาเลอรี เกราซิมอฟ หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารรัสเซีย รายงานต่อปูตินว่า ขณะนี้กองทัพยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์ถูกล้อมเอาไว้แล้ว และกำลังถูกทำลายอย่างเป็นระบบ ขณะที่ปูตินเน้นย้ำว่า กองทัพรัสเซียควรขับไล่ทหารยูเครนทั้งหมดออกไปและปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สค์ให้เป็นอิสระโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ปูตินยังกล่าวว่า รัสเซียควรจะปฏิบัติต่อทหารยูเครนที่ถูกจับในฐานะผู้ก่อการร้าย โดยระบุว่า คนที่อยู่ในภูมิภาคเคิร์สค์ ผู้ที่ก่ออาชญากรรมต่อพลเรือน ต่อต้านกองกำลังของรัสเซีย หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยงานพิเศษ ควรปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะผู้ก่อการร้าย ปูตินยังบอกด้วยว่า จะไม่ขยายขอบเขตอนุสัญญาเจนีวาให้ครอบคลุมชาวต่างชาติที่ร่วมรบในฝ่ายยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยล่าสุดว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กำลังเดินทางไปยังรัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการหยุดยิงในยูเครน หลังก่อนหน้านี้ ยูเครนตกลงหยุดยิงเป็นเวลา 30 วัน ภายหลังประชุมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ซาอุดีอาระเบีย
ด้าน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในมือของรัสเซียแล้ว และย้ำว่า สหรัฐฯ เชื่อว่าหนทางเดียวที่จะยุติสงครามได้คือการเจรจาสันติภาพ
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เปิดเผยหลังการประชุมที่เจดดาห์ว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่ของสหรัฐฯ ที่จะโน้มน้าวให้รัสเซียยอมรับข้อเสนอหยุดยิงที่จะเป็นผลดี ขณะที่ทางรัฐบาลรัสเซียระบุว่า กำลังพิจารณาข้อตกลงหยุดยิงอยู่ และมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์และปูตินอาจจะหารือทางโทรศัพท์เร็วๆนี้
หลังการประชุม สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมกับยูเครนระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ จะกลับมาส่งข้อมูลข่าวกรองให้กับยูเครนตามเดิม รวมถึงส่งความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมด ด้านมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้ส่งตัวแทนเจรจากับรัสเซียแล้วในขณะนี้และหวังว่ารัสเซียจะตอบตกลงเพื่อเดินหน้าสร้างสันติภาพ เพราะตอนนี้อนาคตของสงครามอยู่ในมือรัสเซียแล้ว
ทั้งนี้ แผนการหยุดยิง 30 วันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติสงคราม เพราะสามารถขยายเวลาออกไปได้ด้วยข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และขึ้นอยู่กับการยอมรับและการดำเนินการควบคู่กันของสหพันธรัฐรัสเซีย การแถลงข่าวเกิดขึ้น หลังจากการเจรจาสันติภาพระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและยูเครนในประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่กินเวลายาวนานราว 8 ชั่วโมง
Reuters, BBC