ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 นายโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้เงินสกุลใหม่ ไม่เช่นนั้น จะต้องเผชิญกับการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐฯ สูงถึง 100% โดยทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “สหรัฐฯ จะไม่นิ่งดูดายต่อแนวคิดที่ว่าประเทศ BRICS พยายามจะเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เราเรียกร้องให้กลุ่มประเทศดังกล่าว ให้คำมั่นว่าจะไม่สร้างเงินสกุลใหม่ขึ้นมาใช้ หรือแม้แต่หันไปใช้เงินสกุลอื่นแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ มิเช่นนั้น จะได้เจอกับภาษีนำเข้า 100% แน่นอน”
ก่อนหน้านี้ มีการเสนอให้ใช้สกุลเงินใหม่ในกลุ่มประเทศสมาชิก BRICS โดย ลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำประเทศบราซิล หนึ่งในประเทศสมาชิก BRICS เสนอให้มีการจัดตั้งสกุลเงินกลางในอเมริกาใต้ในปี 2023 เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ การใช้สกุลเงินของ BRICS เอง รวมถึงเครือข่ายธนาคารของกลุ่ม จะช่วยให้ประเทศสมาชิก อย่าง รัสเซีย จีน และอิหร่าน สามารถหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้ แต่โอกาสที่จะใช้สกุลเงินใหม่นั้นอาจริบหรี่ เนื่องจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของกลุ่มพันธมิตรเอง
อย่างไรก็ตาม การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ BRICS ที่รัสเซียในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่ายังไม่มีการพิจารณาในประเด็นการใช้สกุลเงินใหม่ แต่ก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้สกุลเงินประจำชาติและเครือข่ายธนาคารกลางเพื่อสนับสนุนการค้า
สำหรับกลุ่มประเทศสมาชิก BRICS ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งเริ่มต้นก่อตั้งในปี 2011 แต่ในช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมา อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอธิโอเปีย และอียิปต์ ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ นับเป็นการขยายตัวของกลุ่มครั้งแรกในรอบทศวรรษ นอกจากนี้ยังมีอีก 34 ประเทศที่แสดงความจำนงขอเข้าร่วมเป็นชาติสมาชิก รวมถึงประเทศไทยด้วย
การประชุมสุดยอด BRICS ประจำปี 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย สำนักข่าวต่างประเทศคาดว่าจะมีการประชุมหารือเกี่ยวกับการสร้างสกุลเงินทดแทนดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหนึ่งในทางเลือกคือการใช้ทองคำเป็นหน่วยแลกเปลี่ยน
สกุลเงิน BRICS ที่มีศักยภาพจะช่วยให้ประเทศเหล่านี้สามารถเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ ในขณะที่แข่งขันกับระบบการเงินระหว่างประเทศที่มีอยู่ได้ โดยระบบปัจจุบันถูกครอบงำโดยดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 90% ของการซื้อขายสกุลเงินทั้งหมด รวมถึงการซื้อขายน้ำมันเกือบ 100% ก็ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย
นอกจากนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงการคว่ำบาตรจีนและรัสเซีย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการผลักดันให้เกิดเงินสกุลใหม่ จะทำให้กลุ่มประเทศที่โดนคว่ำบาตรมีอิสระมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีการใช้เงินสกุลใหม่จริงในอนาคต จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะอุปสงค์การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะลดลง จนอาจถึงขั้นมีการเลิกใช้ไปในที่สุด
ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซียกล่าวว่าเป้าหมายของประเทศสมาชิก BRICS ไม่ใช่การเลิกใช้แพลตฟอร์ม SWIFT ซึ่งใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหลัก แต่เป็นการขัดขวาง "การใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอาวุธ" โดยพัฒนาระบบทางเลือกสำหรับใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ BRICS และกับคู่ค้าเท่านั้น