เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ ซึ่งกำลังสอบสวนเหตุเครื่องบินของสายการบินเจจูแอร์ประสบอุบัติเหตุเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้ส่งรายงานอุบัติเหตุเบื้องต้นให้กับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รวมถึงหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และไทยแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคม
สำหรับการสอบสวนเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ร้ายแรงที่สุดในเกาหลีใต้ยังคงไม่แล้วเสร็จ แต่รายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ระบุว่า กำลังมุ่งเน้นการสอบสวนไปที่ประเด็น "การชนนก" (bird strike) การวิเคราะห์เกี่ยวกับเครื่องยนต์ และโครงสร้างของ “Localiser” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่งคลื่นวิทยุเพื่อให้เครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย แต่กลับพบว่าเสาดังกล่าวไปติดตั้งอยู่บนเนินดิน
ทั้งนี้ ICAO ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ผู้สอบสวนอุบัติเหตุจัดทำรายงานเบื้องต้นภายใน 30 วันหลังเกิดเหตุ และสนับสนุนให้มีการเผยแพร่รายงานฉบับสมบูรณ์ภายใน 12 เดือน
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2024 เครื่องบิน Boeing 737-800 ของสายการบินเจจูแอร์ ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ประสบอุบัติเหตุขณะพยายามลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน ประเทศเกาหลีใต้ แต่เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์และชนเข้ากับโครงสร้างโลคาไลเซอร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย จากผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 181 คนบนเครื่อง
ทั้งนี้ สาเหตุของเครื่องบินตกที่ได้รับการพูดถึงมาตลอดคือ การชนเข้ากับนก เพราะก่อนที่เครื่องบินจะประสบอุบัติเหตุ หอบังคับการบินของสนามบินมูอันได้แจ้งนักบินด้วยข้อความว่า ‘ระวังกิจกรรมนก’ และหลังจากนั้น นักบินได้รายงานเหตุฉุกเฉินและขอลงจอดใหม่เนื่องจากชนกับนก
อีกหนึ่งประเด็นคือเสาอากาศโลคาไลเซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายรันเวย์และมีหน้าที่ช่วยในการนำเครื่องบินลงจอด รวมถึงเนินดินที่ติดตั้งเสาอากาศดังกล่าว โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดจึงมีการติดตั้งเสาเอาไว้บนเนินดินเช่นนั้น
และประเด็นสุดท้ายคือ เครื่องยนต์ขัดข้อง เพราะล้อลงจอดไม่กาง โดยระบบล้อลงจอดถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของเที่ยวบิน เพราะจะช่วยให้เครื่องบินสามารถขึ้นและลงได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็จะลดแรงกระแทกในกรณีที่เกิดเหตุต้องลงจอดฉุกเฉิน
Reuters