Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เตรียมเลื่อนตำแหน่งเจ้าหน้าที่หลายรายในปีนี้ คาดว่า จะเป็นการเปิดตัวบุคคลากรรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำระดับสูงของประเทศในอนาคต
ตามข้อมูลจาก Asia Society คาดว่า ผู้นำท้องถิ่นของจีนราวหนึ่งในห้า จะเกษียณอายุในปี 2025 นี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ที่เกิดในช่วงปี 1970 ได้เลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่งระดับรัฐมนตรีอย่างเต็มตัว
หลายฝ่ายจับตาความสำเร็จของเจ้าหน้าที่รุ่นหลังปี 1970 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากพวกเขากำลังจะมีอายุย่างเข้าหกสิบปี ซึ่งเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ของจีนมักก้าวถึงจุดสูงสุดในอาชีพการงานของพรรคคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสีก็จะมีอายุแปดสิบปีในช่วงนั้นพอดี ซึ่งคาดว่า อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจมอบอำนาจให้กับคนสนิทหรืออาจเกษียณตนเอง
หนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองคือ หลิว เจีย เกิดปี 1970 อายุ 55 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่อายุไม่มากนัก เขาเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการมณฑลที่อายุน้อยที่สุดของจีน หลังจากได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง ศูนย์กลางเทคโนโลยี ความน่าสนใจคือ สี จิ้นผิงก็เคยนั่งเก้าอี้ผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียงมาก่อน และที่นี่เป็นฐานอำนาจที่ช่วยผลักดันสีขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี
อีกสองคนที่น่าสนใจได้แก่ หลี่ หยุนเจ๋อ ผู้อำนวยการสำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติ (NFRA) ซึ่งเกิดในเดือนกันยายน 1970 และอาตง เลขาธิการคนแรกของสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ ซึ่งเกิดในปี 1970 เช่นกัน
ทั้งหลิว หลี่ และอาตง ถือเป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังผลักดันเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญในระดับชาติ เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
นีล โธมัส นักวิชาการด้านการเมืองจีนจาก Center for China Analysis แห่งสถาบันนโยบายสังคมเอเชียมองว่า ยิ่งสี จิ้นผิงอยู่ในตำแหน่งนานเท่าไร โอกาสที่ผู้สืบทอดตำแหน่งในอนาคตจะมาจากรุ่นหลังปี 1970 ก็ยิ่งสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่สีจะทำลายธรรมเนียมอีกครั้ง ด้วยการให้คนสนิทของเขาดำรงตำแหน่งสำคัญแม้จะเกินวัยเกษียณอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจนำไปสู่ยุคการเมืองผู้สูงอายุในรัฐบาลจีน
สี จิ้นผิง ซึ่งเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดของจีนหลังเหมา เจ๋อตง ฉีกธรรมเนียมการแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ปี 2022 โดยเปิดทางให้ตนเองสามารถอยู่ในอำนาจได้ตลอดชีวิต และไม่มีสัญญาณว่า เขาจะลงจากตำแหน่งในการประชุมใหญ่ครั้งต่อไป ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2027 นอกจากนี้ยังได้กำจัดคู่แข่งที่อาจก้าวขึ้นมาแทนเขาทั้งหมด
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญ กลายเป็นเรื่องอ่อนไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Shanghai Observer ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ที่เกิดในปี 1970 แต่ไม่ได้นำเสนอข้อสันนิษฐานใด ๆ ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน บทความดังกล่าวกลับถูกลบออกจากอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับรายงานอื่น ๆ ในหัวข้อเดียวกัน
ในปีนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีกำหนดจัดประชุมใหญ่ที่เรียกว่า Fourth Plenum ซึ่งคาดว่าประเด็นเกี่ยวกับวินัยและการแต่งตั้งบุคลากรจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ