การพิจารณาคดีของลุยจิ มาจิโอนี ผู้ต้องสงสัยในคดีสังหาร CEO ของ UnitedHealthcare ได้กลายเป็นที่จับตามองจากสาธารณชน เนื่องจากเขาได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชนจำนวนมาก และการประท้วงที่เรียกร้องสิทธิด้านการประกัน ท่ามกลางบรรยากาศในศาลที่เต็มไปด้วยผู้สนับสนุน
ในขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้ได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่ออุตสาหกรรมประกันสุขภาพของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีของ UnitedHealthcare ที่ถูกกล่าวหาว่าปฏิเสธคำร้องขอเคลมในอัตราที่สูงที่สุด เรื่องราวของการปฏิเสธการเคลมที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยกลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดีย สะท้อนถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อระบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 กุมภาพันธ์ 2025) สิ่งที่เกิดขึ้นในการพิจารณาลุยจิ มาจิโอนี ผู้ต้องสงสัยในคดีปืนยิง CEO ของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนัก เพราะดูเหมือนว่า ลุยจิจะได้รับความเห็นอกเห็นใจและการสนับสนุนจากประชาชนมากมาย ทั้งการขึ้นป้าย หรือผู้ประท้วงสวมผ้าพันคอและเสื้อสเวตเตอร์ที่มีข้อความว่า “Free Luigi” แปลว่า ปล่อยลุยจิ รวมทั้งมีการตะโกนว่า “สาธารณสุขเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์” รวมถึงสโลแกนอื่น ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าคดีของลุยจิกำลังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจในอุตสาหกรรมประกันภัยในสหรัฐฯ
มาจิโอนีปรากฏตัวพร้อมกับถูกใส่กุญแจมือและข้อเท้า สวมเสื้อเกราะกันกระสุนทับเสื้อสเวตเตอร์สีเขียว ขณะที่ผู้พิพากษา เกรกอรี คาร์โร ปฏิเสธคำร้องจากหนึ่งในทนายความของมาจิโอนีที่ขอให้ถอดกุญแจมือเขาออก ส่วนมาจิโอนี ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่รัฐได้ตั้งต่อเขา แต่ยังไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวฆาตกรรมของรัฐบาลกลาง หลังพัวพันกับการสังหารไบรอัน ธอมสัน CEO ของบริษัท UnitedHealthcare หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2024
ก่อนหน้าการพิจารณาคดีหนึ่งวัน ภาพของมาจิโอนีถูกฉายขึ้นบนผนังอาคารแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก พร้อมข้อความว่า “ปล่อยลุยจิ” กลุ่มนิรนามที่อยู่เบื้องหลังการขึ้นภาพนี้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า พวกเขาทำเช่นนี้ เพื่อเน้นย้ำถึงสิทธิของลุยจิที่ต้องได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิทธิที่พลเมืองทุกคนควรได้รับ
ด้านอัยการระบุว่า มาจิโอนีแสดงความเป็นปรปักษ์ต่ออุตสาหกรรมประกันสุขภาพและผู้บริหารระดับสูงที่มั่งคั่ง หลังสังหารธอมสัน CEO ของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง
ในช่วงไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์สังหารธอมสัน เรื่องราวเกี่ยวกับการถูกปฏิเสธการเคลมประกันและผลกระทบที่เลวร้ายก็แพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดียในสหรัฐฯ
หลังจากถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัย มาจิโอนี ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนมัธยมและสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง รวมถึงมีข้อเสนอให้การช่วยเหลือค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย และเมื่อมีการเอ่ยชื่อเขาในรายการ Saturday Night Live ซึ่งเป็นรายการชื่อดัง กลับได้รับเสียงปรบมือยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ความโด่งดังของมาจิโอนีก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักการเมืองและผู้ร่างกฎหมายเช่นกัน ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนียกล่าวหลังจากการจับกุมไม่นานว่า มาจิโอนีไม่ใช่ฮีโร ในสหรัฐฯ เราไม่ฆ่าคนอื่นอย่างเลือดเย็นเพื่อแก้ปัญหานโยบาย หรือเป็นการแสดงออกซึ่งมุมมองของตนเอง
ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมา มาจิโอนีได้เผยแพร่แถลงการณ์ฉบับแรกจากเรือนจำ ผ่านทางเว็บไซต์ใหม่ที่สร้างโดยทนายความของเขาจากสำนักงานกฎหมายที่ชื่อว่า Agnifilo Intrater ในแถลงการณ์ระบุว่า เขารู้สึกซาบซึ้ง และขอบคุณสำหรับสิ่งที่ทุกคนเขียนจดหมายมาแบ่งปันเรื่องราวและให้กำลังใจเขา โดยสิ่งที่ทรงพลังที่สุด การสนับสนุนนี้ได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งความเห็นต่างทางการเมือง เชื้อชาติ แม้แต่ชนชั้น โดยมีจดหมายมาจากทั่วประเทศและจากทั่วมุมโลก แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตอบกลับได้ทุกฉบับ แต่อยากให้รู้ได้ว่า เขาได้อ่านทุกฉบับที่ได้รับ
UnitedHealthcare (UNH) บริษัทประกันสุขภาพเอกชนรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ กำลังถูกจับตามองในเรื่องการปฏิเสธคำร้องขอเคลมประกัน โดยมีการกล่าวหาว่า บริษัทมีอัตราการปฏิเสธคำร้องสูงที่สุดในบรรดาบริษัทประกันทั้งหมด อยู่ที่ 32% อย่างไรก็ตาม นี่เป็นรายงานจากเว็บไซต์ Value Penguin ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลภายในเครือข่ายของแผนประกันสุขภาพที่ขายบนตลาดออนไลน์ และUnitedHealthcare ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว
บริษัท UnitedHealthcare เป็นส่วนหนึ่งของ UnitedHealth Group ให้บริการลูกค้าชาวอเมริกันกว่า 29 ล้านคน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเกินกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯมีกฎหมาย Affordable Care Act (ACA) ซึ่งกำหนดให้บริษัทประกันต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิเสธคำร้อง แต่นับจนถึงขณะนี้ รัฐบาลก็ไม่ได้เก็บข้อมูลเรื่องดังกล่าวและแบ่งปันต่อสาธารณะอย่างมากพอ
ในทางกลับกัน รายงานอื่นๆ ยังแสดงให้เห็นว่า มีแนวโน้มการปฏิเสธการเคลมสูงขึ้น โดยเมื่อเดือนตุลาคม คณะอนุกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯ พบว่า บริษัทประกันหันมาใช้เครื่องมือเอไอ เพื่อพิจารณาและปฏิเสธคำร้องในแผน Medicare Advantage และอัตราการปฏิเสธคำร้องสำหรับการดูแลหลังการรักษาในแผน Medicare Advantage ของ UnitedHealthcare เพิ่มขึ้นจาก 10.9% ในปี 2020 เป็น 22.7% ในปี 2022