เมื่อวันอังคารที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ หรือเช้าวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ขึ้นแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นการขึ้นกล่าวต่อสภาคองเกรสครั้งแรก นับตั้งแต่ขึ้นรับตำแหน่งตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยทรัมป์ได้เริ่มประกาศข้อความว่า อเมริกากลับมาแล้ว
Spotlight ได้สรุปประเด็นสำคัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์แถลง ตั้งแต่ประเด็นเศรษฐกิจไปจนถึงสงครามยูเครน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญที่สุดของเขาคือการกอบกู้เศรษฐกิจ และมอบความช่วยเหลือให้กับครอบครัวชนชั้นแรงงาน โดยทรัมป์กล่าวโทษรัฐบาลชุดก่อนของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่า เขาได้รับมรดกเป็นหายนะทางเศรษฐกิจและฝันร้ายจากภาวะเงินเฟ้อ
ทรัมป์ย้ำว่า การควบคุมราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของเขา โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคมอยู่ที่ 3.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหกเดือน และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงยังเกินกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเสนอถึงวิธีใหม่ๆเพื่อหารายได้ให้ภาครัฐ ทรัมป์เสนอแผนวีซ่า "โกลด์การ์ด" ที่มีราคา 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ผู้ถือการ์ดนี้สามารถเข้ามาพำนักและทำมาหากินได้ในสหรัฐฯ โดยเขากล่าวว่า แผนนี้จะช่วยสร้างสมดุลในงบประมาณของรัฐบาล จากนั้น ทรัมป์กล่าวถึงทรัพยากรพลังงานของสหรัฐฯว่า สหรัฐฯมีน้ำมันดิบใต้เท้ามากกว่าประเทศใดบนโลกนี้ ดังนั้นขุดเลย ขุดให้เต็มที่
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรใหม่ 25% สำหรับสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง แคนาดาและเม็กซิโก พร้อมกับเพิ่มภาษีสำหรับสินค้าจีนเป็น 20% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังโจมตีสหภาพยุโรป (EU), อินเดีย, เม็กซิโก, และ บราซิล โดยกล่าวว่าหลายประเทศอื่น ๆก็มีนโยบายการค้าที่ยังไม่เป็นธรรมต่อชาวอเมริกัน พร้อมเสริมว่า วันที่ 2 เมษายนนี้ จะเริ่มต้นการตอบโต้ทางภาษีศุลกากรตอบโต้
ทรัมป์ยังกล่าวถึงการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ โดยระบุว่า โรงงานผลิตรถยนต์กำลังเปิดขึ้นทั่วประเทศ และชี้ว่า ภาษีศุลกากร และนโยบายอื่น ๆของทำเนียบขาว จะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯเติบโตอย่างมหาศาล
ทรัมป์ประกาศว่า รัฐบาลของเขากำลังหยุดใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างสูญเปล่า พร้อมเปิดตัวหน่วยงานใหม่ที่เรียกว่ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE ทรัมป์ได้กล่าวขอบคุณอีลอน มัสก์ ที่นั่งอยู่ในที่ประชุม และเขาได้ลุกขึ้นยืนโบกมือ และทำความเคารพต่อทรัมป์
ทรัมป์อ้างว่า ทีมงานของมัสก์พบว่ามีผู้ที่มีอายุกว่า 200 ปี ยังคงยื่นขอรับสวัสดิการประกันสังคม ซึ่งจุดประเด็นถกเถียงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือเกิดจากความผิดพลาดในการอ่านข้อมูล แต่ขณะที่ทรัมป์กล่าวประเด็นนี้ มีเสียงตะโกนแทรกจากสมาชิกพรรคเดโมแครตเป็นระยะว่า "ไม่จริง!"
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอ้างว่า คำขู่ของเขาทำให้ผู้อพยพผิดกฎหมายตัดสินใจไม่เดินทางเข้าสหรัฐฯ พร้อมระบุว่า เขาได้ดำเนินการหลายอย่าง เพื่อรับมือกับสิ่งที่เขาเรียกว่า “ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ” บริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก โดยอ้างว่า ตัวเลขการลักลอบเข้าเมืองเมื่อเดือนที่แล้วต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ใช้นโยบายที่เข้มงวดต่อการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ด้วยการส่งตัวผู้อพยพที่ถูกจับกุมขึ้นเครื่องบินของกองทัพกลับประเทศต้นทาง และบางส่วนถูกส่งไปยังเรือนจำกวนตานาโม
ทรัมป์กล่าวชมเชยรัฐบาลเม็กซิโก สำหรับการส่งผู้นำกลุ่มค้ายาเสพติดไปยังสหรัฐฯในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ยังเน้นย้ำว่า เม็กซิโก และ แคนาดา ต้องทำมากกว่านี้ในการหยุดการลักลอบนำเฟนทานิลข้ามพรมแดน ทรัมป์กล่าวเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายเพื่อเพิ่มความมั่นคงชายแดนด้วย
ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อยุติความขัดแย้งอันโหดร้ายในยูเครน จากนั้นทรัมป์ได้วิจารณ์ยุโรป โดยกล่าวว่ายุโรปใช้เงินไปกับน้ำมันรัสเซียมากกว่าที่จะช่วยเหลือยูเครน เมื่อเปรียบเทียบกัน ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนหลายร้อยพันล้านดอลลาร์
เขายังกล่าวว่า วันนี้เขาได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครน ซึ่งระบุว่าพวกเขาพร้อมที่จะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุและยุติสงคราม
ฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ อาจประกาศข้อตกลงลดภาษีนำเข้ากับแคนาดาและเม็กซิโกในวันพุธนี้ โดยเขาให้สัมภาษณ์ว่า ชาวแคนาดาและเม็กซิกันโทรหาเขาทั้งวัน เพื่อพยายามแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะลดการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลสู่สหรัฐฯให้ดีกว่านี้ ซึ่งนี่เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทรัมป์ใช้ในการขึ้นภาษีสองประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา เปิดเผยกับ BBC ว่า สำนักงานของเธอยังไม่ได้รับการติดต่อเกี่ยวกับแผนดังกล่าว
ทั้งแคนาดาและเม็กซิโกได้ออกมาตรการภาษีนำเข้าตอบโต้สหรัฐฯ หลังจากที่วอชิงตันเริ่มใช้มาตรการเก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
สหรัฐฯ คาดว่าจะลดภาษีนำเข้ากับแคนาดาและเม็กซิโก แทนที่จะระงับไว้ชั่วคราว
"ผมคิดว่าทรัมป์จะมองว่า 'คุณทำมากขึ้น แล้วผมจะหาทางพบกันครึ่งทาง' และเราน่าจะประกาศเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้" ลัตนิคกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯสามารถพูดอะไรได้หลายอย่าง" แต่คนเดียวที่มีอำนาจตัดสินใจจริง ๆ ก็คือประธานาธิบดีทรัมป์
ทั้งนี้ มีรายงานว่าทรัมป์จะลดภาษีนำเข้าของแคนาดาและเม็กซิโก แต่ในการแถลงนโยบายประจำปี เขากล่าวถึงนโยบายต่างๆ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า จะลดภาษีนำเข้าจริงของทั้งสองประเทศเพื่อนบ้านในสัปดาห์นี้หรือไม่