สมาชิกระดับสูงด้านความมั่นคงในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งแผนลับสุดยอดลงกลุ่มแชทที่มีนักข่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งแผนลับดังกล่าวเป็นปฏิบัติการทางทหารโดยละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมโจมตีกบฏฮูตีในเยเมน รวมถึงข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ซึ่งไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณชนหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ไม่เกี่ยวข้อง CNN รายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างมีปฏิกิริยาที่เรียกได้ว่า “ช็อก” และตกตะลึงเมื่อทราบข่าว
เจ้าหน้าที่ของทรัมป์ออกมายอมรับว่า แผนดังกล่าวเป็นของจริง แต่ไม่ได้เหตุผลว่าเหตุใดแผนลับสุดยอดที่ควรส่งหากันผ่านระบบภายในของกองทัพหรือรัฐบาล ถึงถูกนำมาแชร์กันลงแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Signal ที่ใช้ส่งข้อความธรรมดา ๆ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้และมีความเสี่ยงที่จะรั่วไหลสูง
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารหลายคนบอกกับ CNN ว่า พวกเขาตกใจ และคาดเดาว่าเหตุการณ์นี้อาจส่งผลให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งถูกไล่ออก ด้านเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติระดับสูงสหรัฐฯ แสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง พร้อมระบุว่า การสนทนาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้บนแพลตฟอร์มแชททั่วไป ทำให้เกิดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลไปยังแฮกเกอร์ชาวต่างชาติ หรือแม้แต่หน่วยข่าวกรองของประเทศอื่น ๆ และพนักงานคนใดที่กระทำการประมาทเลินเล่อ สมควรที่จะถูกไล่ออกทันที
The Atlantic นิตยสารชื่อดังของสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลว่า ไมค์ วอลทซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ พยายามจัดการระบบสนทนาทางข้อความกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ รวมถึงรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์, รัฐมนตรีกลาโหมพีท เฮ็กเซธ และรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ เพื่อใช้ในการหารือร่วมกันเกี่ยวกับการโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน โดยได้เพิ่มเจฟเฟอรี โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการบริหารของ The Atlantic เข้าไปในกลุ่มสนทนาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เลออน พาเนตตา อดีตรัฐมนตรีกลาโหมและผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวกับ CNN ว่า การที่นักข่าวถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อแชทนั้น ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง เขาเชื่อว่าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่โกลด์เบิร์ก พวกเขาอาจเปิดเผยข้อมูลนี้ทันทีต่อกลุ่มฮูตีในเยเมน ว่าพวกเขาจะถูกโจมตี และพวกเขาอาจโจมตีฐานทัพของสหรัฐฯ ในทะเลแดง ทำให้ทหารของเราเสียชีวิตได้
ผลกระทบอันร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับกองทัพสหรัฐฯ ทำให้สื่ออเมริกันและต่างประเทศต่างวิเคราะห์ว่า ใครเป็นต้นตอและต้องรับผิดชอบการกระทำดังกล่าว หลายฝ่ายต่างพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีกลาโหมพีท เฮ็กเซธ โดยอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่า โดยปกติแล้ว ข้อมูลลับจากระบบความมั่นคงของสหรัฐฯ จะไม่สามารถถูกแชร์ไปยังแอปพลิเคชันอื่นหรือส่งอีเมลได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น หากข้อมูลถูกแชร์ไปยังแพลตฟอร์มอื่น แสดงว่าเฮ็กเซธ หรือใครบางคนที่ทำงานให้เขา จะต้องดำเนินการคัดลองข้อมูลด้วยตัวเองแล้วแชร์ลงแอปฯ Signal
ทั้งนี้ Signal เป็นแอปส่งข้อความเข้ารหัสที่ได้รับความนิยมทั่วโลก รวมถึงในหมู่นักข่าวและเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่รัฐบาลของไบเดนยังใช้แอปนี้เป็นประจำเพื่อหารือเกี่ยวกับการวางแผนด้านโลจิสติกส์สำหรับการประชุม และบางครั้งก็ใช้เพื่อสื่อสารกับคู่ค้าต่างประเทศ คล้ายกับหน่วยงานราชการและบริษัทส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่ใช้แอปพลิเคชัน LINE ในการคุยงาน
ขณะที่พีท เฮ็กเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังลงจากเครื่องบินที่ฐานทัพร่วมเพิร์ลฮาร์เบอร์-ฮิกคัมในฮาวาย ก็โดนนักข่าวรุมล้อมจ่อไมค์สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว เขาปฏิเสธว่าไม่มีใครในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ ส่งข้อความเกี่ยวกับแผนการโจมตีใด ๆ ในแชท Signal ทั้งนั้น นั่นคือสิ่งเดียวที่เข้าจะพูดถึงเรื่องนี้ นอกจากนี้ เฮกเซธยังโจมตีนักข่าวที่อยู่ในกลุ่มแชท ซึ่งก็คือ โกลด์เบิร์ก โดยเรียกเขาว่า “นักข่าวที่หลอกลวงและน่าเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างยิ่ง”
ทางฝั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทราบข่าวเกี่ยวกับการรายงานของ The Atlantic เกี่ยวกับแชทดังกล่าวแล้วเช่นกัน แหล่งข่าวกล่าวว่า ในระหว่างการแถลงข่าว ทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจต่อโกลด์เบิร์ก หลายฝ่ายเชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ชอบโกลด์เบิร์กมานานแล้ว โดยย้อนไปถึงเรื่องราวในปี 2020 ที่โกลด์เบิร์กรายงานว่า ทรัมป์กล่าวถึงชาวอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามว่าเป็น "ผู้แพ้" และ "ผู้ถูกหลอก"
ขณะที่เจฟเฟอรี โกลด์เบิร์ก นักข่าวของนิตยสาร The Atlantic กล่าวว่า คำกล่าวอ้างของพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ว่า “ไม่มีใครส่งข้อความถึงแผนสงคราม” เป็นเรื่องโกหก และย้ำว่าสมาชิกระดับสูงในคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งเกี่ยวกับการโจมตีทางทหารของสหรัฐฯ ในเยเมนในกลุ่มแชทที่เขาถูกเพิ่มเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
โกลด์เบิร์กกล่าวว่า ในตอนแรกเขาคิดว่าตนเองตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยข่าวกรองต่างชาติ หลังจากที่เขาตระหนักว่าการสนทนานั้นเป็นเรื่องจริง เขาก็ถอนตัวออกไปและเริ่มเขียนเรื่องราวดังกล่าว "เพื่อเปิดโปงการละเมิดความปลอดภัย" แม้เขาจะเขียนข่าวแชทหลุดผ่านนิตยสาร แต่ยืนยันว่าเขาไม่ได้เผยแพร่แผนโจมตีดังกล่าวสู่สายตาสาธารณชน เพราะมองว่าเป็นความลับเกินไป และมีผลต่อชีวิตของทหารพรานในพื้นที่
นอกจากนี้ เขาเปิดเผยว่า คนที่ลากเขาเข้ากลุ่มแชทก็คือไมค์ วอลทซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ โดยเขาเชื่อว่า วอลทซ์ลากเขาเข้ากลุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ คาดว่าตอนแรกจะลากเจ้าหน้าที่คนอื่นเข้า ซึ่งมีชื่อแอคเคานท์เป็นตัวย่อชื่อเดียวกันอย่าง JG อย่างไรก็ตาม ทรัมป์แถลงชัดเจนว่า ไม่มีแผนจะไล่ไมค์ วอลทซ์ออกเพื่อให้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว