เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา จนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังมณฑลยูนนานในจีนและประเทศไทยในหลายพื้นที่ ในช่วงบ่ายของวันนี้ (28 มี.ค. 68) ล่าสุด สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ หรือ USGS ได้ออกมาประเมินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแล้ว พบว่าระดับการแจ้งเตือนความรุนแรงอยู่ที่ระดับสีแดงแล้ว มีแนวโน้มว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและเกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง โดยภัยพิบัติในครั้งนี้อาจมีผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่าง 10,000 - 100,000 ราย ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงถึง 34% หรือความเป็นไปได้รองลงมา 30% อาจะเสียชีวิตอยู่ที่ 1,000 - 10,000 คน
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ยังได้ประมาณการณ์ถึงความสูญเสียทางเศรษฐกิจ มีความเป็นไปได้ 34% ที่ความเสียหายอาจมีมูลค่าระหว่าง 10,000-100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นความเสียหายสูงสุด 70% ของ GDP เมียนมาเลยทีเดียว หรือความเป็นไปได้รองลงมาที่ 30% ที่มูลค่าความเสียหายอาจอยู่ที่ 1,000 - 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การประเมินความเสียหายที่แม่นยำเป็นไปได้ยาก เนื่องจากขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว และมีรายงานเตือนว่าอาจเกิดอัฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานความคิดเห็นของ ดร. ไบรอัน แบปตี นักแผ่นดินไหววิทยาจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาอังกฤษ ระบุว่า นี่คือแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงที่สุดกับเมืองมัณฑะเลย์ เนื่องจากอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเพียง 17 กิโลเมตรเท่านั้น และเมืองแห่งนี้มีประชากรมากถึง 2 ล้านคน จึงมีแนวโน้มว่าจะมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
นักแผ่นดินไหววิทยาจากอังกฤษยังให้ข้อมูลเพิ่มติมว่า ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหวในเมียนมา ขนาดสูงกว่า 6.0 ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลในระยะทาง 200 กิโลเมตรจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว รวมทั้งหมดถึง 14 ครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในปี 1946 มีขนาดอยู่ที่ 7.6 ทางตอนเหนือของเมืองสะกายของเมียนมาขึ้น ซึ่งใกล้เคียงกับเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาครั้งล่าสุดนี้ นอกจากนี้ยังมีแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ในปี 1956 ที่อยู่ใกล้เมืองมัณฑะเลย์มาก ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองเป็นอย่างมาก ขณะที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 38 คน