โพลเผย ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ มาแรงในกลุ่มผู้ชายอเมริกัน ในขณะที่ ‘กมลา แฮร์ริส’ เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้หญิงมากกว่า ตัวแทนผู้นำระหว่างชายและหญิงสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทว่าจะชี้ชะตาผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ได้หรือไม่?
‘กมลา แฮร์ริส’ เป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ก้าวเข้ามาท้าชิงตำแหน่งประธานาธบดีสหรัฐฯ และนับเป็นผู้สมัครฯ เพศหญิงคนที่สอง ต่อจาก ‘ฮิลารี คลินตัน’ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสมักไม่ค่อยพูดถึงตัวตนของเธอ เพื่อการหาเสียงสักเท่าไหร่ โดยก่อนหน้านี้ เธอเคยกล่าวว่า เธอลงสมัครฯ เพราะเชื่อว่าจะเป็นคนที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดในเวลานี้ สำหรับคนอเมริกันทุกคน ไม่ว่าจะเชื้อชาติหรือเพศใดก็ตาม
ทั้งนี้ เรื่องเพศกลับเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการหาเสียง โดยต้องยอมรับว่า ชาวอเมริกันอาจไม่คุ้นเคยกับการมีประธานาธิบดีเป็นผู้หญิงมาก่อน ประชาชนบางส่วนอาจจะรู้สึกยินดี แต่บางส่วนอาจรู้สึกขัดหูขัดตากับการให้ผู้หญิงมาเป็นผู้นำประเทศ โดยหนึ่งในทีมรณรงค์หาเสียงของแฮร์ริสยอมรับว่า อาจมีการ “การเลือกปฏิบัติทางเพศ” ที่แอบซ่อนอยู่
แม้จะมีการทำโพลเกี่ยวกับเรื่องเพศที่ส่งผลต่อการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ในปี 2024 เช่นนี้ คงไม่มีใครอยากบอกกับผู้สำรวจตรงตรงว่า ผู้หญิงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม นักยุทธศาสตร์หาเสียงของพรรคเดโมแครต เผยว่าความคิดต่อต้านผู้นำเพศหญิง อาจสะท้อนผ่านบางคำพูด เช่น แฮร์ริส "ไม่พร้อม" หรือไม่มี "บุคลิกภาพ" ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง
ด้านทีมหาเสียงของทรัมป์ ออกมาโต้แย้งว่า เรื่องเพศไม่มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงของผู้คน แต่เพราะแฮร์ริสเป็นคนอ่อนแอ ไม่ซื่อสัตย์ และเป็นพวกเสรีนิยมที่อันตราย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคนอเมริกันจึงไม่สามารถยอมรับเธอได้ ขณะที่ไบรอัน ลันซา ที่ปรึกษาอาวุโสของทีมงานหาเสียงของทรัมป์ กลับออกมายอมรับว่า การที่ตัวแทนรีพับลิกันเป็นเพศชายทำให้พรรคได้เปรียบมากกว่า
หากย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน ‘ฮิลลารี คลินตัน’ ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครฯ ผู้หญิงคนแรกจากพรรคเดโมแครต แถมแคมเปญในการหาเสียงยังเน้นจุดเด่นเรื่องเพศของเธอ ภายใต้แคมเปญ ‘I’m with HER’ ต่อมาหลังจากที่เธอไม่ได้ไปต่อในเส้นทางผู้นำสหรัฐฯ เธอเองยอมรับว่าเป็นเพราะแค่ ‘เธอเป็นผู้หญิง’ เท่านั้นเอง
ผลสำรวจของ CBS News บ่งชี้ว่า ช่องว่างทางเพศได้เปิดกว้างขึ้นในการแข่งขัน ซึ่งสะท้อนถึงทัศนคติที่กว้างขึ้นในสหรัฐฯ เกี่ยวกับบทบาททางสังคมของหญิงและชาย โดยพบว่า ผู้ชายที่มองว่าการส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศในสหรัฐฯนั้น มากเกินไป ก็มักจะเป็นกลุ่มที่สนับสนุนทรัมป์มากกว่า ขณะที่กลุ่มผู้หญิงที่มองว่าการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศยังไม่เพียงพอ ก็มักจะเป็นผู้สนับสนุนแฮร์ริสนั่นเอง
สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคน การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถูกมองว่าจะสะท้อนบรรทัดฐานทางเพศและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมด้วย