Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 900 จุด นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ ทำตลาดหุ้นผันผวน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 900 จุด นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ ทำตลาดหุ้นผันผวน

11 มี.ค. 68
11:39 น.
|
30
แชร์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีหลักร่วงหนัก เมื่อวานนี้ (10 มี.ค. 68) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดที่ 41,911.71 ลดลง 890.1 จุด หรือ 2.08% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,614.56 ลดลง 155.64 จุดหรือ 2.70% ซึ่งหุ้นทั้ง 2 ตัวร่วงลงสูงสุดในปีนี้ ขณะที่ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,468.32 ลดลง 727.90 จุดหรือ 4.00% ซึ่งทุบสถิติร่วงลงสูงที่สุดภายใน 1 วัน นับตั้งแต่ปี 2022 เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาตกต่ำของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากการเทขายหุ้นและความวิตกกังวลต่อผลกระทบของนโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ 

สถานการณ์หุ้นร่วงเกิดขึ้นหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ“Sunday Morning Futures With Maria Bartiromo ของ Fox News เมื่อเขาถูกถามว่า ปีนี้จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ หรือไม่ ทรัมป์กล่าวว่า ผมไม่อยากคาดเดาอะไรแบบนั้นเลย มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน เพราะสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นยิ่งใหญ่มาก เป็นการบอกกลาย ๆ ว่า นักลงทุนต้องเผชิญกับภาวะตลาดผันผวนอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ หุ้นส่วนใหญ่ที่ถูกเทขาย เป็นหุ้นของบริษัทเทคโนโลยี โดยส่งผลกระทบต่อดัชนี S&P 500 และส่งผลให้ Nasdaq ปรับตัวเข้าสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) โดยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปิดตัวลง 8.6% ลดลงสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงหุ้น 7 นางฟ้าก็ร่วงลงเช่นกัน ได้แก่ Alphabet ( GOOG ), Amazon ( AMZN ), Apple ( AAPL ), Meta ( META ), Microsoft ( MSFT ), Nvidia ( NVDA ) และ Tesla ( TSLA )

สถาบันการเงินชี้ ทรัมป์ไม่ได้ทำหุ้นร่วง นักเล่นหุ้นวิตกไปเอง!

แอนโธนี ซากลิมเบเน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดของ Ameriprise บริษัทบริหารกองทุนชั้นนำของสหรัฐฯ มองว่า การให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยลดลงแต่อย่างใด แต่ทำให้บรรดานักลงทุนซึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว ต่างเกิดความวิตกกังวลยิ่งขึ้นไปอีก 

ดัชนี VIX ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้ CNN รายงานว่า ตัวเลขชี้ให้เห็น "ความกลัวในระดับรุนแรง" ซึ่งสร้างความผันผวนให้ตลาดมาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว ขณะที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง Bitcoin ก็ถูกเทขายเช่นกัน ค่าเงินร่วงลงไปอยู่ที่ประมาณ 78,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศชัยชนะการเลือกตั้งในช่วงเวลาดังกล่าว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 4.225% เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งแสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

คุช ดีไซ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง ผู้นำอุตสาหกรรมต่างตอบสนองต่อนโยบายเศรษฐกิจอเมริกาต้องมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีศุลกากร การยกเลิกกฎระเบียบแก่ผู้ประกอบการ และการลงทุนหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะสร้างงานใหม่หลายพันตำแหน่ง ประธานาธิบดีทรัมป์สร้างการเติบโตของการจ้างงานและเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำด้วย

สถาบันการเงินอื่นชี้ นโยบายภาษีทรัมป์นั่นแหละ ตัวต้นเรื่อง!

ตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนักในเดือนนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ที่กลับมาขึ้นๆ ลงๆ ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 3.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอ็ด ยาร์เดนี ประธานของ Yardeni Research สถาบันวิจัยด้านการเงินกล่าวว่า ตลาดหุ้นกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในนโยบายของทรัมป์ 2.0

ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่หลังจากนั้นเขาก็ประกาศผ่อนผันจนถึงวันที่ 2 เมษายน เขาเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนทั้งหมดเป็นสองเท่าจาก 10% เป็น 20% และภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ทั้งหมด 25% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มีนาคม นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่ภาษีผลิตภัณฑ์นมของแคนาดา 250%และภาษีนำเข้าไม้แปรรูปของแคนาดาในอัตราสูงมาก และยังมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีอีกเรื่อย ๆ ในอนาคต

เดวิด บาห์นเซน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bahnsen Group กล่าวว่า “การพูดถึงภาษีศุลกากรนั้นแย่กว่าการบังคับใช้ในหลาย ๆ ด้าน การพูดถึงภาษีศุลกากร การพลิกกลับ การเก็งกำไร และความวุ่นวายล้วนแต่ส่งเสริมความไม่แน่นอน เขายังเชื่อว่าสถานการณ์นี้จะคงอยู่ต่อไปนานพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างน้อยสักหนึ่งหรือสองไตรมาส และท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่ข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ที่ทำให้ทุกคนสงสัยว่าทำไมสหรัฐฯ ต้องผ่านเรื่องยุ่งยากทั้งหมดนี้ และยังเกิดรอยร้าวต่อเศรษฐกิจในด้านอื่น ๆ เช่น การเลิกจ้างเพิ่มมากขึ้น การจ้างงานชะลอตัว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น


แชร์
ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 900 จุด นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ ทำตลาดหุ้นผันผวน