เมื่อคืนนี้เกมที่คัมป์ นู ในการแข่งขันถ้วยใหญ่ของยุโรปรอบรองชนะเลิศ เป็นเกมที่สนุกทีเดียว ต่างฝ่ายต่างต้องการยิงประตูเพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขันนัดที่สอง และถึงแม้ว่าผลการแข่งขันสุดท้ายจะออกมาเข้าทางฝั่งเจ้าบ้านอย่างขาดลอย 3 - 0 แต่ถ้าใครได้ดูทั้งเกมจริงๆ ก็ต้องบอกว่าน่าเห็นใจกับลิเวอร์พูลเป็นอย่างมาก
สกอร์ที่เกิดขึ้นดูจะใจร้ายกับทีมหงส์แดงไปหน่อย เพราะว่าทั้งเกมผู้มาเยือนจากอังกฤษสามารถสู้แลกได้อย่างสนุกสูสี รวมถึงมีโอกาสทำประตูที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แต่โอกาสหลายๆ ครั้งของหงส์แดงไม่ผ่านมือ มาร์ค อันแดร เทอ สเตเก้น มือกาวเยอรมัน และกองทัพแผงหลังของบาร์เซโลน่า ก่อนที่จะถูกกฏยิงประตูทีมเก่าของ หลุยส์ ซัวเรส และประตูอภินิหารย์ของยอดมนุษย์อย่างเมสซี่ ที่ทำให้เจ้าตัวสร้างสถิติยิงในสีเสื้อเลือดหมู-น้ำเงินครบ 600 เม็ดไปเรียยบร้อย
ไม่มีใครเถียงเรื่องที่ อลิซอน เป็นผู้รักษาประตูที่เก่ง สถิติคลีนชีทมากที่สุดในฤดูกาลของลิเวอร์พูลยืนยันได้ แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างหงส์แดงกับเจ้าบุญทุ่มในเกมนี้คือ ลิโอเนล เมสซี่ ทุกการจ่ายบอลคือมีความหมาย ทุกช็อตการยิงล้วนหวังผลได้ นี่คือความมหัศจรรย์ของโลกอย่างแท้จริง
ไหนๆ แล้วก็ขอย้อนไปคู่เมื่อวานหน่อยแล้วกัน สเปอร์ส เปิดบ้านปะทะ อาหยักซ์ เช่นเดียวกัน เจ้าบ้านจากลอนดอนในฐานะเล่นในถิ่นตัวเองก็ทำแล้วทุกวิถีทาง แต่ในเมื่อไก่เดือยทองไม่สามารถจิกทำประตูจากผู้มาเยือนได้ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวที่ทำให้ทีมเสียประตู ก็ส่งผลให้สเปอร์สเป็นผู้แพ้ทันที
นั่นแหละครับ สำหรับฟุตบอลผู้ชนะคือผู้ที่ทำประตูได้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม ไม่เกี่ยวกับว่าเกมวันนั้นพวกคุณจะเล่นได้ดีมากแค่ไหน เพราะถึงแพ้จะข่มเขามิด กดเขายับ แต่ถ้าทำประตูไม่ได้นั่นก็คือไม่ชนะอยู่ดี
