“ธีรยุทธ” ยื่น กกต. ยุบก้าวไกล ไม่กลัวสร้างความขัดแย้ง

1 ก.พ. 67

“ธีรยุทธ” เดินหน้ายื่น กกต. ยุบก้าวไกล ไม่กลัวสร้างความขัดแย้ง ชี้เป็นผลจากพฤติกรรม “พิธาและก้าวไกลเอง”  ย้อน นักวิชาการ ไปอ่านคำวินิจฉัยให้ละเอียด ย้ำ! ศาลไม่ได้ปิดช่องแก้ ม.112

นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล มีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามมาตรา 49 เป็นผลให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 2 หยุดพฤติกรรมทั้งหมดเมื่อวานนี้

ล่าสุด นายธีรยุทธ เดินทาง มาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นขอให้ กกต.ส่งคำร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 92 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เนื่องจากเห็นว่าตนเองเป็นผู้ยื่นร้องตั้งแต่ต้น จึงมีหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนให้ครบถ้วน โดยยื่นคำร้องจำนวน 11 แผ่น พร้อมแนบคำวินิจฉัยศาลฯ จากการถอดเทป 11 แผ่น และเอกสารประกอบคำร้องอีก 110 แผ่น

โดยใจความสำคัญของคำร้องคือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พฤติกรรมของนายพิธา และพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งถือมีผลผูกพัน กกต. จึงมีหลักฐานสำคัญอันควรเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกลได้กระทำการล้มล้างการปกครอง ตนในฐานะผู้ร้อง จึงขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง บังคับการกับพรรคก้าวไกล ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรค 1 บัญญัติว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น ตนเองจึงขอให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ยุบพรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ นายธีรยุทธ  เปิดเผยว่าหลังจากได้ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวาน มองว่าทุกอย่างไปเป็นไปตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของนายพิธา และพรรคก้าวไกลเอง ตอนที่ตนเองยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพียงแค่ต้องการให้ศาลเมตตา สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดการกระทำ แต่หลังจากฟังคำวินิจฉัยของศาลโดยละเอียดหลายรอบ จึงเห็นว่าเมื่อศาลเมตตาวินิจฉัยคำร้องให้แล้ว จึงถือว่ามีความผูกพันต่อคำสั่งศาลโดยตรง จึงทำหน้าที่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาล พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้รู้สึกกังวลใจ หากที่สุดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล จะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง รอคำวินิจฉัยของศาลเมื่อวานนี้เป็นการวางบรรทัดฐานการเมืองการปกครองของไทย สมาชิกพรรค รวมถึงผู้สนับสนุนพรรค ก็มีหน้าที่ในการดำเนินการ จะต้องปฏิบัติและยึดถือบรรทัดฐานนี้ และเชื่อว่าหลักการนี้ก็ปรากฎในหลักการของพรรคก้าวไกล ดังนั้นหากมีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล

ส่วนที่นักวิชาการมองว่าคำวินิจฉัยของศาลเมื่อวานนี้ มองว่า การแก้ไขมาตรา 112 จะไม่สามารถทำได้เลย นายธีรยุทธ มองว่า นักวิชาการเหล่านั้น ไม่ได้อ่านคำวินิจฉัยโดยละเอียด จึงขอให้กลับไปฟังหลาย ๆ รอบ เพราะศาลไม่ได้ปิดประตู แต่ต้องเป็นไปตามครรลองของนิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องเป็นฉันทามติ แต่เมื่อวานนี้ศาลวินิจฉัยชัด ว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอย่างอื่น อันมีนัยยะสำคัญ ประชาชนทั่วอาจจะยังไม่ทราบ ซึ่งทราบว่าก่อนจะมีการวินิจฉัย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ได้ประชุมร่วมกันถึง 62 ครั้ง จึงเชื่อว่าการจัดทำคำพิจารณาวินิจฉัยเป็นไปอย่างละเอียดรอบด้าน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม