ทหารหญิงเครียด ดิ่งชั้น 7 ดับ พร้อมเขียนจดหมายทิ้งไว้

31 พ.ค. 67

ทหารหญิงเครียด ดิ่งชั้น 7 ดับคาที่ ตรวจค้นห้องพักพบจดหมายเขียนระบาย ป่วยโรคซึมเศร้า "ไม่มีความสุขในการชีวิตอยู่"

 

วันที่31พ.ค.2567ร.ต.อ.มนตรี รัตนพันธ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.คูคต จ.ปทุมธานี รับแจ้งพบผู้กระโดดคอนโดลงมาเสียชีวิต ภายในซอยพหลโยธิน 62 (ซอย39) ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 7 ชั้น ด้านหลังอาคารพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย นอนคว่ำหน้า ข้อเท้าขวาหักฉีกขาดเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดกบปาก  แต่งกายกางเกงขาสั้ สีดำ เสื้อสีขาวคอกลมแขนสั้น

จากการตรวจสอบทราบว่าผู้ตายนั้น พักอาศัยอยู่บริเวณชั้นที่7  จึงเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง ไม่พบสิ่งผิดปกติหรือร่องรอยการต่อสู้ รื้อค้นพบเพียงด้านหลังห้องหน้าต่างเปิดทิ้งไว้และจดหมายลาตาย 1 แผ่น เขียนว่า “30พ.ค.67คำสั่งเสียสุดท้ายข้าพเจ้า “พ.อ.อ.หญิง” ได้เขียนข้อความนี้ ขณะมีสติครบถ้วนยังมิได้รับประทานยาที่มีผลต่อระบบประสาทแต่อย่างใด ผู้ติดต่อฉุกเฉินคุณกระแต (เบอร์โทรศัพท์) เนื่องจากโรคซึมเศร้าที่ข้าพเจ้าเป็นนั้นรุนแรงขึ้นทุกที ตั้งแต่มารดาข้าพเจ้าเสียชีวิต อาการก็หนักขึ้นมาก และเมื่อมิวจากไปข้าพเจ้าก็รู้สึกหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าพเจ้าไม่มีความสุขในการมีชีวิตอยู่เลย มีความคิดในการฆ่าตัวตายแทบจะตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้ากินยาเกินขนาด รวมทั้งสิ้น 2ครั้ง ซึ่งเป็นการกระทำที่โง่เขลา เพราะไม่สามารถทำให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นจากสภาวะนี้ไปได้ ในขณะที่ข้าพเจ้าต้องไปทำงานและพูดคุยทำตัวปกติข้ าพเจ้าได้แต่กรีดร้องอย่างขมขื่นอยู่ข้างใน สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำมีเพียงหลุดพ้นไปจากสภาวะนี้เท่านั้น การพบจิตแพทย์ได้ผลดียื้อข้าพเจ้าไว้ได้นานพอสมควร จนเมื่อข้าพเจ้าได้พบเรื่องสะเทือนใจครั้งใหญ่อีกครั้งช่วงต้น ปีข้าพเจ้านั้นรู้สึกแตกสลายโดยแท้”

ด้านตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์พบเบอร์ญาติ จึงโทรแจ้งให้มาที่เกิดเหตุ เมื่อญาติมาที่เกิดเหตุทราบว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน(ญาติไม่ประสงค์ออกนาม) สำหรับพ.อ.อ.หญิง ผู้เสียชีวิต เป็นชาวจังหวัดปทุมธานีและรับราชการเป็นทหาร

สอบถามญาติแจ้งว่า ผู้ตายมีโรคซึมเศร้า แต่ก็ไม่เคยเล่าปัญหาใดๆให้ฟัง และไม่มีพฤติกรรมที่จะคิดฆ่าตัวตายมาก่อน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องครอบครัวของผู้ตายอาจเป็นได้ จนมาทราบวันนี้ตอนสายๆทางเจ้าหน้าที่โทรมาหาตัวเองยังตกใจในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องยังรีบมาที่เกิดเหตุ

ขณะที่ตำรวจได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้วมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ทางมูลนิธิปอเต็กตึ้งนำส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชอีกครั้ง และมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ทางญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส